กรณีศึกษา
ชื่อ - นามสกุล : เด็กชายพายุ (นามสมมติ)
เพศ : ชาย
อายุ : 4 ปี 2 เดือน
การวินิจฉัยโรค : Autistic spectrum disorder
การศึกษา : โรงเรียนสายประสิทธิ์
อาการสังเกตเห็น : - ไม่มีภาษาพูด (non verbal)
- กล้ามเนื้อมัดเล็กและใหญ่ไม่แข็งแรง ทำให้การทรงตัวไม่ดี และมีปัญหาในการใช้หยิบจับสิ่งของ
- สนใจสิ่งเร้าง่าย เช่น เสียง พัดลมหมุนๆ
- ชอบทำกิจกรรมที่ใช้แรง (heavy work)
General appearance : เด็กผู้ชายผิวขาว ผมรองทรงสีดำ หางตาตก ขนตายาว รูปร่างสมส่วน
ประวัติความเจ็บป่วย
โรคประจำตัว : G6PD ภูมิแพ้ถั่ว บลูเบอร์รี่ แป้งสาลี
ประวัติการเข้ารับการรักษา ที่ไหน สัปดาห์ละกี่ครั้ง ระยะเวลาเท่าไหร่ :
1.โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เกิด - ปัจจุบัน และนัดติดตามผลทุกๆ 6 เดือน
2.โรงพยาบาลยันฮี เป็นเวลา5 เดือน
3.คลีนิคกิจกรรมบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี จนถึงปัจจุบัน
- ระยะเวลาการรักษาทางกิจกรรมบำบัด : มากว่า 1 ปี
ประวัติครอบครัว
ประวัติครอบครัว : ครอบครัวมี 4 คน แม่ พ่อ ตาและน้อง คุณแม่ทำงานธนาคารกสิกรไทย คุณพ่อไปทำงานต่างจังหวัด
ความต้องการของผู้รับบริการ : ทำกิจกรรม ADL ได้
ประวัติการเลี้ยงดู : ผู้ดูแลหลักเป็นคุณตาที่จะดูแลตลอดทั้งวัน กับคุณแม่ที่จะดูแลผู้รับบริการในช่วงเย็น
ประวัติพัฒนาการ : 5-7 เดือน มีอาการไม่ชี้ มอง ไม่ค่อยร้อง
ประวัติคลอด : ปกติ
ประวัติพัฒนาการหรือพฤติกรรมล่าช้าที่สังเกตเห็น :
- ผู้รับบริการมีการเดินในพื้นต่างระดับและการทรงได้ไม่ดีเมื่อเทียบกับเด็กช่วงวัยเดียวกัน
ซึ่งสามารถเดินและยืนขาเดียวได้ 4 วินาที
- ผู้รับบริการไม่มีภาษาพูด ซึ่งเด็กอายุ 4 ขวบสามารถพูดประโยคที่สามารถเข้าใจได้แล้ว
- ผู้รับบริการจับวัตถุแบบ inferior pinch และไม่มีการแสดงความถนัดของมือ
ซึ่งเด็กในวัยเดียวกันแสดงความถนัดของมืออย่างชัดเจน
- ผู้รับบริการมีช่วงความสนใจน้อย และไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งในเด็กอายุ 3-4
ปีควรมีช่วงความสนใจอย่างต่อเนื่อในกิจกรรม Tabletop ได้10 นาที
ปัจจัยเอื้อของกรณีศึกษานี้
ปัจจัยขัดขวางของกรณีศึกษานี้
Scientific Clinical Reasoning (SCR)
1.Diagnostic reasoning
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์: ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชว่าเป็น Autism spectum disorder
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางกิจกรรมบำบัด: Occupational Deprivation เนื่องจาก ผู้รับบริการไม่มีภาษาพูด ไม่สามารถแสดงความต้องการออกมาได้ มีอาการเหม่อลอย ช่วงความสนใจน้อย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม มีน้ำลายไหล การทรงตัวไม่ดี หันเหความสนใจได้ง่ายโดยเสียง ทำให้ได้รับการช่วยเหลือที่มากเกินไปและอาการของโรคที่ผู้รับบริการเป็นจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การดูแลตัวเอง การเรียนและการเข้าร่วมทางสังคมของผู้รับบริการ
2. Procedural reasoning
- สร้างสัมพันธภาพโดยการพูดคุย แนะนำตัวกับผู้รับบริการ ร่วมกับการสังเกตอารมณ์ พฤติกรรม ความสามารถในการสนทนาและปฏิสัมพันธ์กับผู้บำบัด พบว่า ผู้รับบริการมีอารมณ์ดี ไม่สามารถสื่อสารบอกความต้องการของตัวเองได้ ไม่มองหน้าสบตากับผู้พูด (Interactive reasoning)
- สร้างสัมพันธภาพโดยการพูดคุยกับผู้ปกครอง พบว่า ผู้ดูแลหลักจะเป็นคุณตากับคุณแม่ เนื่องจากคุณพ่อทำงานที่ต่างจังหวัด โดยส่วนใหญ่เป็นคุณตาที่พาผู้รับบริการมารักษาที่คลินิกกิจกรรมบำบัดที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ในช่วงเช้าก่อนไปเรียนหนังสือต่อ เนื่องจากคุณแม่ต้องทำงาน แล้วกลับดึก เวลาส่วนใหญ่น้องจะอยู่กับคุณแม่เป็นช่วงเวลาเย็นๆจนถึงดึก การทำกิจวัตรประจำวันของผู้รับบริการส่วนใหญ่ต้องการช่วยเหลือในระดับ maximal assistance ในช่วงเวลาว่างผู้รับบริการจะชอบทำกิจกรรมที่ใช้แรง (heavy work) และฟังเพลงที่ชอบ (Interactive reasoning)
ตารางกิจวัตรประจำวัน | |||
ช่วงเวลา |
กิจกรรมในวันจันทร์ - ศุกร์ |
ช่วงเวลา |
กิจกรรมในวันเสาร์ - อาทิตย์ |
6:00 น. |
ตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัว |
||
7:30 น. |
เดินทางออกจากบ้าน |
||
8:00 - 9:00 น. |
ฝึกกิจกรรมบำบัด (วันจันทร์) |
08:30 - 9:00 น. |
ตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัว |
7:30-12:00 น. |
เรียนร่วมกับเด็กทั่วไป |
09:00 -10:00 น. |
กินข้าว |
12:00-13:00 น. |
กินข้าว |
10:00 น. |
เดินทางไปเรียน |
13:00-15:30 น. |
ฝึกร่วมกับเด็กพิเศษที่โรงเรียนสายประสิทธิ์ |
12:00 -13:00 น. |
เรียนดนตรี ที่สถาบันยามาฮ่า |
15:30 น. |
กลับบ้าน |
13:00 -13:30 น. |
เดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า กินไอศครีม |
16:30 น. |
ถึงบ้าน |
13:30 น. |
กลับบ้าน |
16:30-17:30 น. |
เล่นทราย บอลและขี่จักรยาน |
15:30 น. |
ถึงบ้าน |
17:30-18:00 น. |
กินข้าว |
15:30 -17:00 น. |
เล่นทราย บอลและขี่จักรยาน |
18:00 น. |
อาบน้ำ |
17:30-18:00 น. |
กินข้าว |
18:30 -20:00 น. |
วาดรูป โยนบอล ดูทีวี |
18:00 น. |
อาบน้ำ |
18:30 -20:00 น. |
วาดรูป โยนบอล ดูทีวี |
||
20:00 -21:00 น. |
เข้านอน |
20:00 -21:00 น. |
เข้านอน |
Area of Occupation | ||
Activities of Daily Living (ADL) | ||
Activities/Occupations |
Performance |
Problem list |
Bathing/Showering |
ผู้รับบริการสามารถอาบน้ำได้ด้วยตนเอง |
ผู้ดูแลต้องช่วยกระตุ้นเมื่อไม่หยุดทำกิจกรรม |
Toileting , Toilet hygiene |
ผู้รับบริการสามารถช่วยฉีดน้ำ เพื่อทำความสะอาดได้ |
ผู้รับบริการไม่สามารถบอก เมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ และผู้ดูแลต้องช่วยถอดกางเกงและทำความสะอาด |
Dressing |
ผู้รับบริการสามารถช่วยยกแขนในการถอดเสื้อได้ |
ผู้รับบริการไม่สามารถใส่รองเท้าและถุงเท้าได้ ต้องช่วยถอดเสื้อบริเวณศีรษะ |
Swallowing/Eating |
ผู้รับบริการสามารถกินข้าวได้ |
ผู้รับบริการสามารถไม่ทราบว่าน้ำลายไหลจึงไม่กลืนน้ำลาย และกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง |
Feeding |
ผู้รับบริการตักอาหารหกเล็กน้อย |
ผู้รับบริการต้องมีช้อนและส้อมอยู่ในมือ เพื่อไม่ใช้มือในการกิน |
Functional mobility |
ผู้รับบริการสามารถเดินบนพื้นราบได้ |
กล้ามเนื้อของผู้รับบริการไม่แข็งแรงจึงทำให้การทรงตัวไม่ดี |
Personal hygiene and grooming |
ผู้รับบริการสามารถช่วยยกแขนขึ้น ขณะถอดเสื้อได้ |
ผู้รับบริการไม่สามารถใส่และถอด เสื้อผ้าเองได้ |
Education | ||
Formal Educational Participation |
ผู้รับบริการเรียนอยู่ในระบบการศึกษาภาคปกติ ร่วมกับเด็กทั่วไป |
ผู้รับบริการมีอาการเหม่อลอย |
Play Participation |
ผู้รับบริการเล่นแบบ parallel play |
ผู้รับบริการไม่สามารถเล่นแบบ social play |
Social Participation | ||
Family |
ผู้รับบริการอยู่กับตา แม่และพ่อ ลูกของอามาเล่นด้วยในบางครั้ง |
ผู้รับบริการ ชอบดึงผมของเพื่อน |
Peer, Friend |
ผู้รับบริการชอบกอดเพื่อน และนอนตักเพื่อน เมื่ออยู่ที่โรงเรียน |
ผู้รับบริการไม่สามารถเข้าไปร่วมเล่นกับเพื่อนได้ มีการเล่นแบบ parallel play |
- จากการสัมภาษณ์นักกิจกรรมบำบัด ผู้รับบริการมีพัฒนาการล่าช้ากว่าวัย มีกระตุ้นตัวเอง เช่น สะบัดมือ ไม่สบตาและไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ช่วงความสนใจน้อยกว่า 10 นาที ไม่มี pretend / symbolic play ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นแบบ parallel play ตอนนี้น้องถอดรองเท้ากับถุงเท้าได้ ทำตามคำสั่งได้ 2 ขั้นตอน มีเป้าหมายที่เน้น ADL ให้ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด (Interactive reasoning)
- ผู้บำบัดจัดทำกิจกรรมฐานผจญภัย จะเป็นการนำเก้าอี้เตี้ยหรือหมอนลิ่มมาวางเพื่อให้ผู้รับบริการเดินขึ้นไปแล้วให้กระโดด 2 ขาลงมา bean bag จากนั้นมีกระดาษให้กระโดดข้าม แล้วนำลูกบอลที่ได้ในตอนแรก โยนลงตะกร้า มีการปรับระดับความยาก (graded activity) โดยเพิ่มความสูงของอุปสรรค จากเก้าอี้เตี้ยเปลี่ยนเป็นโต๊ะ เพิ่มจำนวนการกระโดด เป็นการฝึกในเรื่องการเดินและการทรงตัวของผู้รับบริการ ระหว่างที่ทำกิจกรรม จะมีการส่งเสริมเรื่องการสื่อสารไปด้วย ( biomechanical FoR ; balance training )
- ผู้บำบัดจัดกิจกรรมนำห่วงใส่แกน โดยให้ผู้รับบริการนั่งบนชิงช้า ส่วนผู้บำบัดจะนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง จากนั้นพูด “ ขอ ” เพื่อขอห่วงมาใส่แกน ระหว่างที่แกว่งก็ให้นำห่วงมาใส่ในแกนที่ผู้บำบัดถืออยู่ ซึ่งจะให้ใส่ในทิศทางต่างๆ เพื่อทำให้ผู้รับบริการสงบและสามารถ focus กับกิจกรรมที่ทำได้ เนื่องจากได้รับ sensory ที่ต้องการ ( sensory integration FoR ; vestibular and proprioceptive )
- ผู้บำบัดจัดกิจกรรมดึงโซ่ ให้ผู้รับบริการล้วงมืลงไปในตะกร้าเพื่อหยิบโซ่พลาสติกของเล่นขึ้นมา จากนั้นดึงออกจากกัน แล้วไปวางในตะกร้าอีกอัน เป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง ( biomechanical FoR ; strength training )
- ผู้บำบัดจัดกิจกรรมการใส่ถุงเท้า - รองเท้า ให้ผู้รับบริการใส่ถุงเท้าที่เคยถอดก่อนที่จะเข้ารับการบริการ จากนั้นใส่รองเท้า ซึ่งเป็นรองเท้านักเรียนแบบมีตีนตุ๊กแก ให้แกะตีนตุ๊กแกออก สวมรองเท้า แล้วติดตีนตุ๊กแก เป็นการฝึกการใส่รองเท้านักเรียน (teaching – learning FoR ; 4 QM )
- ผู้บำบัดมีการกระตุ้นให้ผู้รับบริการกลืนน้ำลายเมื่อผู้รับบริการน้ำลายไหล ( biomechanical FoR ; oral massage )
- เมื่อผู้รับบริการทำกิจกรรมได้เสร็จ ผู้บำบัดจะมีการปรบมือ ชม เป็นการให้แรงเสริมทางบวก ที่ทำให้ความถี่ของพฤติกรรมที่พึงประสงค์เกิดมากขึ้น (behavioral FoR ; reinforcement)
3. Interactive reasoning
Therapeutic use of self : มีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ปกครองโดยเข้าไปทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้น้ำเสียงที่สงบ เป็นมิตร จริงใจ มีความนอบน้อม แสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ สอบถามถึงปัญหา, ความต้องการทางกิจกรรมบำบัด และร่วมกันตั้งเป้าประสงค์ในการรักษา
จากการสัมภาษณ์ผู้ปกครองของผู้รับบริการ ต้องการให้ผู้รับบริการสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีโรคประจำตัว คือ G6PD แพ้ถั่ว บลูเบอร์รี่ แป้งสาลี ผู้ดูแลหลักจะเป็นคุณตากับคุณแม่ เนื่องจากคุณพ่อไปทำงานที่ต่างจังหวัด เข้ารับการรักษาหลายที่ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เกิด – ปัจจุบัน และนัดติดตามผลทุก 6 เดือน โรงพยาบาลยันฮี เป็นระยะเวลา 5 เดือน และคลินิกกิจกรรมบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 ปี จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ผู้รับบริการอาการดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำกิจกรรมได้เยอะขึ้น เรียนอยู่ที่โรงเรียนสายประสิทธิ์ โดยในตอนเช้าจะเรียนร่วมกับเด็กทั่วไป แต่ตอนบ่ายจะเรียนร่วมกับเด็กพิเศษ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ จะไปเรียนดนตรีที่สถาบันยามาฮ่า หลังจากนั้นจะพาไปทานไอศกรีม แต่ถ้าวันไหนไปเรียนดนตรีแล้วไม่ได้ทาน ก็จะหงุดหงิด ช่วงเย็นๆจะพาไปเล่นทรายและขี่จักรยาน
4. Conditional reasoning
ใช้ PEO model มาเป็นโมเดล
P : ผู้รับบริการได้รับการวินิจฉัยเป็น ASD อายุ 4.2 ปี ไม่สบตา หันเหความสนใจง่าย ไม่มีภาษาพูด เดินเซ
E : บ้านสวน อยู่กับคุณตา คุณพ่อกับคุณแม่ คุณแม่ทำงานธนาคาร คุณพ่อทำงานต่างจังหวัดนานๆทีกลับ ปกติคุณตาเป็นผู้ดูแลหลัก พาไปผู้รับบริการไปเรียน - เล่นในเวลาว่าง
O : ผู้ปกครองมีความต้องการให้ผู้รับบริการสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
จากการประเมิน พบว่า ผู้รับบริการมีพัฒนาการล่าช้ากว่าวัย จึงได้ใช้ Developmental FoRเพื่ออ้างอิงพัฒนาการของเด็ก ซึ่งพัฒนาของเด็ก 4 ปีทั่วไป
ด้านภาษา : พูดได้เข้าใจทั้งประโยค นับเลขได้ถึง10หรือมากกว่านั้น บอกได้ 4 สี 3 รูปร่าง ทำตามคำสั่งได้ 2 – 3 ขั้นตอน มีช่วงความสนใจ ประมาณ 10 นาที
ด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ : สามารถยืนขาเดียวได้ 4 วินาที เดินขึ้น - ลง บันไดโดยปราศจากการช่วยเหลือ เดินไปข้างหน้าและถอยหลังได้
ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก : คัดลอกรูปวงกลม ต่อบล็อกได้ 8 ชั้น แสดงความถนัดมือ เริ่มจับดินสอแบบ mature grasp
ด้านอารมณ์และสังคม : มีการแบ่ง(shares)และเล่นแบบสลับ(take turns) เข้าใจกติกาของเกมส์
Condition 1 ผู้รับบริการมีการทรงตัวที่ไม่ดี ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
Condition 2 ผู้รับบริการไม่มีภาษาพูด
แผนการรักษาจะเริ่มจากสิ่งที่ผู้รับบริการสามารถพัฒนาได้เร็ว คือ การทำกิจวัตรประจำวัน ซึ่งตอนนี้จะฝึกทักษะต่างๆที่เป็นการเตรียมความพร้อมไปสู่การทำกิจวัตรประจำวัน และจะแทรกเรื่องการสื่อสารไปด้วย แต่ผลลัพธ์ในเรื่องของการสื่อสารจะเห็นได้ช้ากว่าด้านอื่นๆ ให้ home program เพื่อให้การบำบัดรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากผู้รับบริการมาเข้ารับการบำบัดรักษาสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง
5. Pragmatic reasoning
- ก่อนการฝึกกิจกรรมที่เป็น table – top หรือ กิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ ให้ทำกิจกรรม sensory – based จะช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ การอยู่ไม่นิ่ง ยับยั้งการกระตุ้นตัวเอง ช่วยเพิ่มสมาธิและช่วงความสนใจ หรือ ใช้เทคนิค SI กระตุ้นให้เด็กได้รับ sensory ที่ต้องการแล้วมีการปรับพฤติกรรมและการเข้าร่วมสังคมให้สามารถทำกิจกรรมได้
- เวลาฝึกหรือทำกิจกรรมที่ใช้สมาธิความจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เงียบ หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่มากระตุ้นเด็กให้หันเหความสนใจมากเกินไป
- ในระยะ sensori – motor เป็นระยะที่การพัฒนาการรับรู้ทางสังคมของเด็ก และกิจกรรมการสำรวจมีผลต่อการเรียนรู้การรับรู้ ดังนั้นจึงต้องสร้างพื้นฐานของทักษะต่างๆที่ตามพัฒนาการให้แน่น จะช่วยให้เด็กสามารถบรรลุเป้าประสงค์ โดยจะต้องประเมินรายบุคคลเพื่อระบุความต้องการพิเศษและการวางแผนเพื่อการบำบัดรักษาที่เฉพาะเจาะจง Emmanuelle Jasmin, Mélanie Couture, Patricia McKinley, Greg Reid, Eric Fombonne & Erika Gisel (Internet) 2008 . Sensori-motor and Daily Living Skills of Preschool Children with Autism Spectrum Disorders [ cited 2020 Feb 14 ] available from : https://link.springer.com/article/10.1007/s10803-008-0617-z
- Family‐centred music therapy จะช่วยส่งเสริม social interaction ในเด็กsevere autism spectrum disorder ที่บ้าน ชุมชน และความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง G. A. Thompson K. S. McFerran C. Gold ( internet ) 2013 Family‐centred music therapy to promote social engagement in young children with severe autism spectrum disorder: a randomized controlled study [ cited 2020 Feb 14 ] available from : https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/cch.12121#accessDenialLayout
SOAP NOTE
น้องพายุ (นามสมมุติ ) 4.2 y.o. Dx. ASD
S : เพศชาย มากับคุณตา มีพฤติกรรมเหม่อ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว การเดินเซ ผู้ปกครองมีความต้องการให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
O : จากการสังเกตขณะทำกิจกรรม ผู้รับบริการไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว สามารถทำตามคำสั่งได้ 1 ขั้นตอน แต่มีบางครั้งที่หลุดไปในโลกของตัวเองจึงต้องกระตุ้นให้กลับมา เวลาขึ้นเก้าอี้เตี้ยหรือทางต่างระดับผู้รับบริการจะหาที่เกาะเพื่อไม่ให้ล้ม
A : จากการสังเกตขณะทำกิจกรรม ผู้รับบริการมีการทรงตัวไม่ดีเวลาเดินในทางต่างระดับ และถูกหันเหความสนใจได้ง่ายเมื่อมีสิ่งเร้ามารบกวน ไม่มีภาษาพูด (non verbal) ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
P : กิจกรรม SI เช่น กระโดดแทมโพลีน นั่งชิงช้า ที่แทรกกิจกรรมส่งเสริมการสื่อสาร
สอบถามถึงความเครียดของผู้ดูแล
สอบถามถึงสภาพแวดล้อมที่บ้านเพิ่มเติม
น้องพายุ (นามสมมุติ) 4.2 y.o. Dx. ASD
S : เพศชาย มากับคุณตา มีการเดินดีขึ้น ผู้ปกครองมีความต้องการให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
O : จากการสังเกตขณะทำกิจกรรม ผู้รับบริการสามารถเดินขึ้นเก้าอี้เตี้ยได้โดยไม่เกาะผู้บำบัด แต่ก็ยังไม่ค่อยสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำตามคำสั่งได้ 2 ขั้นตอน
A : จากการสังเกตขณะทำกิจกรรม ผู้รับบริการมีการทรงตัวที่ดีขึ้นจากครั้งที่แล้ว และมีการเข้าใจภาษามากขึ้น ไม่มีภาษาพูด (non verbal) ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
P : กิจกรรม SI เช่น ฐานผจญภัย นั่งชิงช้า , กิจกรรมที่ส่งเสริมกล้ามเนื้อมัดเล็ก , กิจกรรมส่งเสริมการสื่อสาร
ให้ home program
Story telling
เป็นครั้งแรกที่ไป observe เคสออทิสติก พอไปถึงก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงอีกทั้งเรายังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย ก็ได้เห็นพี่นักกิจกรรมบำบัดฝึกน้องครั้งแรกก็ยังสงสัยว่า ทำไมถึงใช้กิจกรรมนี้ในการฝึก จึงได้ถามพี่ถึงได้รู้ว่ากิจกรรมที่พี่เขาฝึก เป็นกิจกรรมที่เตรียมความพร้อมให้น้องเพื่อที่จะได้ไปทำกิจกรรมอื่นๆต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ไปobserve ก็ได้เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในเรื่องของการเดิน ในตอนนั้นน้องสามารถเดินขึ้นเก้าอี้เตี้ยได้โดยที่ไม่ต้องเกาะพี่นักกิจกรรมบำบัดแล้ว สามารถทำตามคำสั่งได้ 2 ขั้นตอน แล้วเริ่มมีการมองสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากในวันแรกที่พบ แต่ก็ยังไม่เหมาะสมกับวัย คิดว่าในอนาคตน้องจะสามารถเดินได้มั่นคงขึ้น และสามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไป observere คือ ได้เห็นวิธีการจัดการกับเด็ก ได้เคสออทิสติกจริงๆที่ไม่ใช่เป็นแค่ตัวหนังสือเวลาเลคเชอร์
ไม่มีความเห็น