กรณีศึกษา ธัญญารักษ์ ปทุมธานี
นายกอ (นามสมมติ) อายุ56ปี Dx.Alcohol dependent
Scientific reasoning :
-จากแฟ้มประวัติ พบว่าผู้รับบริการได้รับการประเมินการติดสารเสพติด(สุรา) พบว่าคะแนนอยู่ในช่วงติดสารเสพติด(สุรา) ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เป็น Alcohol dependent-จากการสัมภาษณ์จากพยาบาล ข้อมูลในแฟ้มประวัติพบว่า ผู้รับบริการดื่มสุรากว่า 10ปี และดื่มในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ
-นักศึกษาสัมภาษณ์เพิ่มเติมพบว่า ผู้รับบริการดื่มสุรามากขึ้น จนไม่สามารถไปทำงานได้ ไม่สามารถหยุดดื่มได้ และเข้ารับการบำบัดหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางกิจกรรมบำบัด (ผลกระทบต่อ Occupational role performance) :
-ผู้รับบริการอยู่กับภรรยาใหม่และลูกของภรรยาใหม่ ผู้รับบริการเล่าว่า “โดนด่า โดนทำร้ายหลังจากกินเหล้า” “เค้าหาว่าผมเกาะแม่เค้ากิน”
-Occupational deprivation ผู้รับบริการขาดโอกาสในการทำบทบาทหัวหน้าครอบครัว เนื่องจาก ความสัมพันธ์กับครอบครัวภรรยาใหม่กับตนเองไม่ดี (family relationship)การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์กับการแปลความทางกิจกรรมบำบัด
Procedural reasoning :
นักศึกษาได้สัมภาษณ์ และประเมินผู้รับบริการดังนี้โดยก่อนประเมินมีการสร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการจากการพูดคุยเรื่องทั่วไปก่อนจากนั้นจึงซักถามข้อมูลเชิงลึกในแต่ละประเด็นที่มีคำอธิบายไม่ชัดเจนในการประเมินครั้งแรก ข้อมูลที่ได้จากการซักถามส่วนใหญ่เป็น เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวกับภรรยาใหม่ [นักศึกษาคิดว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวกับภรรยาใหม่ และคุณพ่อคุณแม่ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้รับบริการดื่มสุราหนักและไม่สามารถเลิกสุราได้ โดยครอบครัวภรรยาใหม่ ทำให้ผู้รับบริการเกิดความเครียดและผู้รับบริการถูกกดดันทำให้ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นภายในบ้านได้ และคิดว่าครอบครัวของผู้รับบริการในที่นี้คือคุณพ่อ กับคุณแม่ เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้รับบริการมีความตั้งใจที่จะเลิกสุรา ทราบมาว่าคุณแม่ผู้รับบริการป่วยต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่า3เดือน และผู้รับบริการอยากพบคุณแม่
-การประเมินแรกรับตารางกิจวัตรประจำวัน(ที่บ้านขณะได้ทำงาน)
5.00-6.00 ตื่นนอน
6.00-7.00 ปั่นจักรยานไปซื้อสุรา
7.00-8.00 ทานอาหารเช้า ไปทำงาน
8.00-12.00 ทำงาน
12.00-13.00 ทานอาหารกลางวัน
13.00-17.00 ทำงาน ดื่มสุราระหว่างทำงาน
17.00-18.00 ตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนที่ทำงาน
18.00-20.00 กลับบ้าน อาบน้ำ ดื่มสุรา
20.00-21.00 นอน
-Physical sport 66.67
-Activity daily living 66.67
-ประเมินก่อนหน้า : ผู้รับบริการได้รับการประเมินก่อนหน้าจากพยาบาลที่ตึกบำบัดด้วยยา
Interactive reasoning :
-ใช้ Therapeutic relationship ขณะพูดคุย มีการรับฟัสิ่งที่ผู้รับบริการพูด ผ่านคำถามปลายเปิด วางตัวเป็นกลางไม่ตัดสินNarrative reasoning “ลูกติดภรรยาใหม่ทำร้าย และพูดดูถูก” , “อยากเลิกเหล้า” , “อยากเจอแม่” , “พ่อเป็นคนที่หวังดีกับเรามากที่สุด”
SOAP note
นายกอ (นามสมมติ) อายุ56ปี Dx.Alcohol dependent (17/6/62)
S: “เคยเลิกเหล้าหลายครั้งแต่ทำไม่ได้” “อยากเลิกเหล้าให้พ่อ” “ลูกติดภรรยาชอบทำร้ายและพูดดูถูก ต้องปรึกษาปัญหากับเพื่อนในวงเหล้า” [สีหน้าดูเศร้า น้ำตาไหล]
O:จากกิจกรรมระบายสีอิสระ เลือกระบายสีตามตัวอย่างไม่เลือกสีเอง
A:จากกิจกรรมระบายสีได้ยืนยันกับ RTI explan ได้ cognitive level 3 มีปัญหา Cognitive impairment & social skill Reassessment (23/7/62) สามารถระบายสีอิสระได้หลากหลายไม่ตามต้นแบบ สามารถสื่อสารภายในกลุ่มได้
P:ประเมินครั้งที่1 Improve cognitive & Social skill ประเมินครั้งที่2 Improve social skill ในบริบทที่ไม่ใช่โรงพยาบาล
Pragmatic reasoning:
-จากการสังเกต สัมภาษณ์ ทดสอบผู้รับบริการ และพูดคุยกับกอาจารย์ นักศึกษาคิดว่าผู้รับบริการควรมีงานทำเพื่อดูแลตนเอง งานที่ควรฝึกฝนคืองานเลี้ยงดักแด้ซึ่งเป็นงานของครอบครัวตนเอง และผู้รับบริการมีความสนใจ นอกจากนี้การให้กิจกรรมบำบัดควรทำในบริบทจริงคือ บริบทนอกโรงพยาบาล หรือบริบทที่ผู้รับบริการต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ รวมถึงควรพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมในสังคมหรือบริบทนั้นว่ามีปัจจัยใดส่งเสริม และปัจจัยใดที่ขัดขวาง ซึ่งเราควรจะแก้ปัญหาปัจจัยการขัดขวางเพื่อให้ผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้โดยมีสุขภาวะที่ดี
Procedural reasoning:
-Recovery model,MOHO model
Conditional reasoning:
-ใช้กรอบ MOHO + Recovery model ให้ผู้รับบริการรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าผ่านงานที่ตนเองสนใจ โดยมีผลรับเป็นรายได้ และความสุขในการทำงานในบริบทจริง ไม่ใช่ในโรงพยาบาล โดยเริ่มจากการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดักแด้ และตลาดรับซื้อดักแด้
Story telling
จากกรณีศึกษานี้ นักศึกษาได้เรียนรู้ลำดับขั้นของการเก็บข้อมูลที่เหมาะสมในบริบทของศูนย์ฟื้นฟูยาเสพติด และได้เรียนรู้การใช้ทักษะการอ่านภาษากาย ฝึกการดูอย่างมีสติ รวมถึงได้ฝึกการสัมภาษณ์เพื่อระบุปัญหา โดยใช้การสร้างสัมพันธ์ภาพผ่านคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับหัวข้อที่สนใจหรือคำถามที่ใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้สึก ความคิดข้างใน อันส่งผลต่อการกระทำเพื่อได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก และใช้การทำกิจกรรมต่างๆที่มีเป้าหมายในด้านที่เป็นปัญหาหลักของผู้ดื่มสุราคือด้าน cognitive behavior training โดยใช้กิจกรรมที่ผู้รับบริการสนใจ แต่นักศึกษายังมองภาพที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายได้ไม่ชัดเจนทำให้กิจกรรมทั้งหมดเป็นการทำกิจกรรมการฝึกในบริบทโรงพยาบาลไม่ใช่บริบทจริงที่ผู้รับบริการต้องกลับไปใช้ชีวิต มีการใช้ Frame of reference และ Model ไม่ครอบคลุมหลังจากการพูดคุยกับอาจารย์ทำให้ทราบว่าควรจะใช้ Frame of reference และ Model ให้ครอบคลุม โดยเริ่มใช้ PEOP model เพื่อมองภาพผู้รับบริการให้เป็นองค์รวม MOHO model เพื่อหาแรงจูงใจในการเลิกสุราและแรงจูงใจในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงความชอบ รวามสนใจ หรือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำกิจกรรมของผู้รับบริการ และใช้ cognitive rehabilitation เพื่อมุ่งไปที่องค์ประกอบที่มีปัญหาของผู้รับบริการติดสุรา หลังจากทราบข้อบกพร่องในส่วนการเลือกใช้ Frame of reference และ Model นักศึกษาคิดว่าจะสามารถเลือก Frame of reference และ Model ได้ดีขึ้น มีการลำดับความสำคัญของปัญหาได้เหมาะสม และทำให้สามารถมองปัญหาได้ครอบคลุม รวมถึงสามารถเลือกวิธีแก้ไขได้เหมาะสมตามความต้องการของผู้รับบริการซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในบริบทจริงของผู้รับบริการไม่ใช่เพียงบริบทโรงพยาบาล
จากการเรียนรู้ในคาบ ได้ลองฝึก การ Brief case เป็นครั้งแรก จึงได้เรียนรู้ว่า การ Brief case ควรพูดสรุปเฉพาะส่วนที่สำคัญ ได้ใจความ กระชับ เข้าใจง่าย ภายในหนึ่งนาที เพื่อให้คู่สนทนารับรู้ถึงข้อมูล ที่เกิดขึ้นกับผู้รับบริการคนนั้น ได้อย่างถูกต้อง เมื่อได้อ่าน case ของผู้รับบริการจาก Blog ของรุ่นพี่ และได้ฝึกการ Brief case ออกมาภายในเวลาหนึ่งนาที สรุปตามความเข้าใจของตัวเองได้ดังนี้ “ผู้รับบริการชื่อนาย ก อายุ 56 ปี DX. Alcohol dependent ติดเหล้าจนไม่สามารถกลับไปทำงานได้ สาเหตุเพราะมีปัญหากับครอบครัวภรรยาใหม่ ความสัมพันธ์ไม่ดีกับลูกภรรยาใหม่ โดนทำร้ายร่างกายจนเสียความมั่นใจ ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ทำให้เครียดจนต้องไปกินเหล้าเพื่อระบาย ความเครียดกับเพื่อนในวงเหล้า อยากเลิกเหล้าเพราะอยากเจอ พ่อและแม่ จากกิจกรรมระบายสีได้ยืนยันกลับ RTI explan ได้ cognitive level 3 มีปัญหา cognitive impairment & social skill Reassessment จากการสังเกตสัมภาษณ์ทดสอบผู้รับบริการ คิดว่าผู้รับบริการควรมีงานทำเพื่อดูแลตัวเอง เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าผ่านงานที่ตนเองสนใจโดยมีผลรับเป็นรายได้และความสุขในการทำงาน ที่อยู่ในบริบทจริง รวมถึงส่งเสริม self esteem self confidents ของผู้รับบริการอีกด้วย ผู้รับบริการมีความสนใจในงานเลี้ยง ดักแด้ ที่เป็นงานของครอบครัวตนเอง โดยอาจจะเริ่มจากการจัดกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ที่ตัวเองสนใจกับเพื่อนภายในกลุ่มเพื่อส่งเสริม social skill โดยให้ผู้รับบริการเลือกหัวข้อที่สนใจ เริ่มจากความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดักแด้ ตลาดรับซื้อดักแด้ เพื่อเป็นพื้นฐานความรู้และส่งเสริมให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปประกอบอาชีพในอนาคตมีรายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเองได้ “ นอกจากนี้ยังได้ฝึกการตั้งคำถาม แบบ three – track mind ครั้งแรกได้ฝึกแบบ Procedural ตั้งคำถามไปว่า คุณคิดว่าอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ ก่อนหน้านี้พยายามเลิกเหล้าแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ว่า คำถามนี้อาจดูเป็น Interactive มากเกินไป และคำถามแบบ Procedural เรามักจะใช้สื่อสารกับสหวิชาชีพด้วยกันเองไม่ใช่สื่อสารกับผู้รับบริการ จึงได้ปรับเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น เราจะสามารถสร้างแรงจูงใจได้อย่างไรเพื่อให้ผู้รับบริการกลับมามีความพยายามในการเลิกเหล้าได้อีกครั้ง หรือ เราจะสามารถสร้างแรงจูงใจได้อย่างไรเพื่อให้ ผู้รับบริการใหม่กลับไปกินเหล้าอีกครั้ง หลังจากนั้นเป็นการตั้งคำถามแบบ Interactive จึงได้ลองนำคำถามที่คิดตอนแรก มาตอบอีกครั้งคือ คุณคิดว่าอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ก่อนหน้านี้พยายามเลิกเหล้าแล้วแต่ยังทำไม่ได้ อาจารย์ให้คำแนะนำว่าอาจจะต้องปรับเปลี่ยนคำถาม ให้ฟังเข้าใจง่ายขึ้น ได้ปรับเปลี่ยนเป็น ทำไมคุณพยายามเลิกเหล้าหลายครั้งแล้วยังทำไม่สำเร็จค่ะ สรุปรวม ในคาบนี้ นอกจากได้ฝึกการ Brief case เป็นครั้งแรก ฝึกตั้งคำถามแบบ three – track mind สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ เราต้องมีความกล้าที่จะทำ กล้าที่จะพูด กล้าที่จะผิด กล้าที่จะตั้งคำถามออกมา แม้ในครั้งแรกมันอาจจะ มีความกลัว ไม่กล้าตั้งคำถาม แต่เมื่อเราได้ลองพูดในสิ่งที่เราคิดออกมา เราจะได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เพื่อปรับแก้ ให้มันดีขึ้น และฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นในอนาคตค่ะ