มหาวิทยาลัยชีวิต


ชีวิตมันก็แค่แบบฝึกหัดเล่มใหญ่ มีปัญหาเดี๋ยวก็แก้ได้ ถึงแม้จะแก้ปัญหาไม่ได้ในตอนนี้ แต่เราก็ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวก็เจอทางออกของปัญหา จะยอมแพ้ง่าย ๆ ถึงขนาดยอมฆ่าตัวตาย ซึ่งแสดงถึงความปราชัยอย่างหมดรูปได้อย่างไรกันเล่า...

      ในสายตาของคนส่วนใหญ่ยังมีค่านิยมมองว่าบุคคลที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นจะต้องเป็นคนที่มีการศึกษาในระดับสูงๆ เรียนเก่งๆ และมีฐานะร่ำรวย และถ้าหากจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงและได้รับเกียรตินิยมติดอันดับพ่วงท้ายด้วยแล้วจะยิ่งเป็นการดี เพราะจะเป็นเครื่องการันตีได้ว่า คนๆ นั้นจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

     แต่กับชีวิตจริงในปัจจุบันหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเมื่อทุกคนจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม เมื่อต้องออกมาเผชิญกับโลกกว้าง โลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตจริงของคนเราที่มีตัวของเราเองเป็นตัวเอก หรืออาจจะเรียกสถาบันแห่งนี้ได้อีกชื่อหนึ่งว่า มหาวิทยาลัยชีวิต เป็นสถาบันที่มีแต่การเรียน ไม่มีการสอบเพื่อเก็บคะแนน ไม่มีการสอบปลายภาค มีแต่โจทย์ปัญหาชีวิตให้คิด ให้แก้ วิเคราะห์ และนำมาใช้ในการประเมินตนเอง เพื่อที่จะให้ผ่านแบบฝึกหัดและบททดสอบของชีวิต ชีวิตการเรียนใน

     มหาวิทยาลัยชีวิตนี้มีการเรียนเพียงวิชาเดียว คือประสบการณ์ หรือแบบฝึกหัดชีวิต และมีสิ่งที่ให้ค้นหามากมายกว่าชีวิตในห้องเรียนซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยและห้องเรียนโดยทั่วๆ ไป

     การเรียนรู้จากทฤษฎีตามสถาบันทั่วไปนั้น เราจะต้องนำทฤษฎีมาประยุกต์ก่อนที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์ที่มีความแตกต่างกัน แต่สำหรับชีวิตจริง เราต้องนำประสบการณ์ไปใช้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เมื่อเคยผ่านสถานการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง เคยได้เรียนรู้แล้ว เราสามารถหยิบมาใช้ได้ทันทีและสามารถพลิกแพลงใช้ตามความพอใจได้ตามเทคนิคที่ผู้เรียนมีอยู่

    เทคนิคที่ว่านี้ ได้แก่ ความอดทน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเรียนในมหาวิทยาลัยชีวิต และเป็นเกณฑ์มาตรฐานหลักที่ใช้ในการประเมินการผ่านแบบฝึกหัดชีวิตแต่ละบท นอกจากความอดทนแล้ว ยังมีอีกหลายเทคนิคที่สามารถนำมาใช้ในการทำแบบฝึกหัดชีวิต เช่น ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ การมองโลกในแง่ดี เป็นต้น

ในที่นี้จะขอกล่าวถึง ความอดทน เพราะเป็นเทคนิคที่สำคัญที่สามารถจะช่วยให้เราสามารถทำแบบฝึกหัดชีวิตให้ได้ดีและผ่านผลการประเมิน

    คนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่า "ความอดทนของคนเรานั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่ละคนมีขอบเขตของความอดทนที่ไม่เท่ากัน และเมื่อใดที่ถึงที่สุดของความอดทนนั้นก็ไม่อาจที่จะทนได้อีกต่อไป...."

     ด้วยเหตุนี้ทำให้เราจำกัดความอดทนของตัวเองไปโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่อาจจะมีความอดทนที่มากกว่านั้น ใครอดทนได้มากกว่าก็มีสิทธิ์ที่จะผ่านการประเมิน และคนที่อดทนได้มากที่สุด นั่นแหละคือผู้ที่ผ่านการประเมินในการทำแบบฝึกหัดชีวิต แต่…ก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีแบบฝึกหัดบทต่อไปไม่สิ้นสุด…

    ผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินในแบบฝึกหัดชีวิต ก็มักจะปรากฏให้เราได้เห็นอยู่เป็นประจำบนหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ บางคนไปจี้ปล้นชาวบ้าน ฆ่าผู้อื่นบ้าง ฆ่าตัวตายบ้าง และอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่สมาชิกใน มหาวิทยาลัยชีวิต ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เขาเหล่านั้นติด E ในรายวิชาความอดทน ซึ่งในปัจจุบันผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    แม้การเรียนใน มหาวิทยาลัยชีวิต จะไม่มีการมอบใบประกาศนียบัตร ไม่มีเกียรตินิยมพ่วงท้าย ไม่มีการทดสอบเก็บคะแนนเพื่อวัดความรู้ทางด้านทฤษฎี ไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ ไม่มีการลงทะเบียน หรือการรีไทร์ ไม่มีวันเปิดเทอมและปิดเทอม ทุกหลักสูตรไม่มีการสิ้นสุด ไม่มีถูกหรือผิด ไม่มีทฤษฎีมารองรับอย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ไม่เคยมีใครที่จบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยชีวิตนี้แล้วไม่มีร่องรอยบาดแผล หรือจบหลักสูตรด้วยความราบรื่น สุขสมหวัง สวยงามปราศจากตำหนิแม้แต่คนเดียว

    แต่ก็เอาเถอะ ไม่เป็นไร ถึงแม้ไม่จบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยชีวิต หรือจบแบบไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่เราก็ยังสามารถแก้โจทย์ปัญหาในแบบฝึกหัดชีวิตมาได้หลายบทหลายตอน ติด I ยังดีกว่าติด E เป็นไหน ๆ

    ชีวิตมันก็แค่แบบฝึกหัดเล่มใหญ่ มีปัญหาเดี๋ยวก็แก้ได้ ถึงแม้จะแก้ปัญหาไม่ได้ในตอนนี้ แต่เราก็ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวก็เจอทางออกของปัญหา จะยอมแพ้ง่าย ๆ ถึงขนาดยอมฆ่าตัวตาย ซึ่งแสดงถึงความปราชัยอย่างหมดรูปได้อย่างไรกันเล่า

หมายเลขบันทึก: 66346เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2006 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 08:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท