กลับมาพุกามเมืองพม่ากับวัดสุดท้ายที่มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่ากับสุภัชชา.พันเลิศพาณิชย์ตอน.มหาเจดีย์ชเวสิกอง
1ใน5พุทธสถานที่สำคัญที่สุดของพม่าที่ทุกคนต้องไปสักการะบูชาคะ
มหาเจดีย์ชเวสิกอง(Shwezigon Paya) เป็นเจดีย์องค์ใหญ่ สีทอง เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง พุกาม ศาสนสถานอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าและชาวไทย โดยชื่อ “ชเวสิกอง” มีความหมายว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่าอีกด้วย…
เจดีย์ชเวสิกองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดีตอนบน เขตเมืองพุกาม เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าอโนรธามหาราช (พ.ศ.1587 – 1620) มาเสร็จสิ้นสมัยพระเจ้าจันสิตตา (พ.ศ.1627 – 1656) รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์พุกาม พุทธลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่า “รัดอก” แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน รอบฐานเจดีย์มีวิหารโถงประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ ถือเป็นศิลปะพุกามรุ่นแรกที่ได้รับอิทธิพลจากมอญ
จุดที่สร้างเจดีย์ เกิดจากช้างเสี่ยงทายของพระเจ้าอโนรธาเดินมาหยุดอยู่ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี จึงเฉลิมนาม “ชเวสิกอง” หรือในสำเนียงพม่าว่า “ชเวซีโข่ง” แปลตรงตัวว่าเจดีย์ทองบนพื้นทรายเจดีย์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ที่สำคัญคือเป็นเจดีย์บรรจุพระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เจดีย์ชเวสิกองมีความอัศจรรย์ 9 ประการของพระมหาธาตุชเวสิกอง คือ
1.ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม
2.กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์
3.เงาพระเจดีย์จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ (ถ้าเงาล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย)
4ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน (ไม่เคยเต็ม)
5.มีการให้ทานด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า (ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกในบาตรอยู่ก่อนหน้าเราเสมอ)
6.เมื่อตีกลองใบใหญ่จากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม
7.แม้พระเจดีย์จะตั้งอยู่บนพื่นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตาคล้ายพระเจดีย์ตั้งอยู่บนที่สูง
8.ไมว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำฝนขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์
9.มีต้นพิกุล (Khaye หรือ Chayar) ซึ่งจะออกดอกตลอดทั้งปี (ปรกติจะออกปีละครั้ง)ด้วยหัวใจที่นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ..สุภัชชา.
ไม่มีความเห็น