ศีลไม่บริสุทธิ์สวดมนต์ภาวนาไปก็เท่านั้น ให้ทานไปบุญก็อาจได้ใช้ชาติหน้า แล้วพระพุทธศาสนา..มีไว้ทำอะไร?
พุทธศาสนาสอนเรื่องสติปัญญา สอนให้ใช้สติและปัญญา
ก่อนใช้สติปัญญาต้องมีทั้งสติและปัญญาเสียก่อน
เราเป็นชาวพุทธเราจึงควรมีควรศึกษา หากไม่รู้ บุญที่ท่านทำ ทานที่ท่านให้ อาจไม่เกิดประโยชน์อันใดกับท่านในชาตินี้เลย..
แต่การจะมีทั้งสติและปัญญาได้ก็ต้องเข้าใจและปฏิบัติตามหลักของไตรสิกขาแก่นธรรมแท้จริงของพระพุทธศาสนากันเสียก่อน
ไม่อย่างนั้นไม่กล่าวว่าผู้นั้นมีปัญญา
สติและปัญญา นามธรรมสองอย่างนี้ต้องมีคู่กัน จะทึกทักว่าตนมีนึกคิดเอาเองว่าตนมี หรือใครบอกว่าเรามีไม่ได้ รู้เองจากการปฏิบัติเองเท่านั้น
และต้องมีคุณสมบัติกันก่อน
มนุษย์ทุกคนฝึกได้ก็ใช่ว่าจะได้ปัญญาทุกคน
ต้องมีบุญด้วย
ข้อ ๑. ไม่ฆ่าบิดามารดา
ข้อ ๒. เคารพพระพุทธศาสนาอย่างเลื่อมใส
ข้อ ๓. ไม่ทำพระพุทธเจ้าห้อเลือด ดูหมิ่นพระอรหันต์ หรือทำสงฆ์แตกแยก
ถ้ามีสามข้อนี้ ท่านมีบุญ.
คุณสมบัติพร้อมแล้ว...ไปต่อกันเลย
พุทธศาสนาสอนเรื่องของไตรสิกขา หมายถึง ๓ อย่างที่ผู้นับถือศาสนาพุทธควรศึกษาปฏิบัติตน
คือศีล สมาธิ ปัญญา
การไหว้พระสวดมนต์ภาวนานั้นเป็นองค์ศีลกับสมาธิสององค์ ถ้าหากศีลไม่บริสุทธิ์ สวดมนต์ภาวนาไปก็จะได้แค่ความสงบ ไม่ได้สมาธิปัญญาอะไรขึ้นมา ทานที่ให้ บุญที่ได้ อาจลอยไปรออยู่ชาติหน้า เสียเวลาดีแท้..
เมื่อสวดมนต์ภาวนาเสร็จ ความไม่สงบต่างๆก็กรูกลับเข้ามาในความคิด ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีก ไม่ได้อะไร
ลองทบทวนการปฏิบัติเสียใหม่ การให้ทานรักษาศีลเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ลองไหว้พระสวดมนต์ภาวนาเจริญสมาธิ ปฏิบัติให้ครบองค์ประกอบตามคำสอนพระพุทธเจ้ากันดูไหม
ศีลบริสุทธิ์ เป็นอย่างไรนั้นควรหาศึกษามาปฏิบัติ
หากมีความบริสุทธิ์ของศีลวันใด ผนวกกับการไหว้พระสวดมนต์ภาวนาอยู่แล้วก็จะเกิดความบริบูรณ์ขึ้นมา
เกิดปัญญาขึ้นมา ไม่ต้องฝึกไม่ต้องเรียน
เมื่อศีลและสมาธิมีความบริบูรณ์ จะเกิดปัญญาขึ้นมาเอง เป็นการประชุมพร้อมขององค์ไตรสิกขาเกิดขึ้นสมบูรณ์
เมื่ออำนาจของศีลและสมาธิรวมกันเป็นมหาสติ
เรียกว่า สติปัญญา อย่างสมบูรณ์
อัศจรรย์อย่างไร ต้องเห็นด้วยตัวเองปฏิบัติด้วยตัวเองเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่พระพุทธองค์สอน
นี่คือสิ่งที่ชาวพุทธควรมี
.อย่าปล่อยให้การปฏิบัติทานศีลภาวนานั้นสูญเปล่า เวลาของเรามีมากน้อยเท่าไหร่
ทำบุญทำทานอย่าทำแล้วสูญไป
รู้ลมหายใจก่อนมันจะไปจากเรา.
.ธัมมานุสารี.
ไม่มีความเห็น