จริงๆแล้ว บ่อยครั้งที่ฉันอธิบายกับนักเรียนว่าวิธีการหนึ่งในการสอนภาษาคือไวยากรณ์และคำศัพท์: ซึ่งหมายถึง การใช้รู้กฎในการสร้างความหมาย และรู้ว่าคำนี้จะแสดงความหมายอย่างไร การรู้คำศัพท์มากมายจะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย หากไม่รู้จะนำคำเหล่านั้นมาสร้างความหมายได้อย่างไร ดังที่ Ellis ได้กล่าวว่า “ไวยากรณ์ยังคงมีความจำเป็น และจุดศูนย์กลางในการสอนภาษาอังกฤษ” แล้วเราจะสอนเรื่องนี้ในชั้นเรียนเราได้อย่างไรล่ะ?
การเรียนรู้ไวยากรณ์แบบนิรนัย กับ การเรียนรู้ไวยากรณ์แบบอุปนัย
วิธีการสอนไวยากรณ์ได้รับการถกเถียงสำหรับนักวิชาการมามากมาย Hird ได้เขียนว่าไวยากรณ์ควรสอนแบบนิรนัย (deductive) หรือ อุปนัย (inductive) มากกว่ากัน? งานของเขาเกี่ยวข้องกับการอภิปรายของเรา หากเราสำรวจถึงแบบเรียนที่ใช้หลักสูตรไวยากรณ์ที่เป็นแบบใดแบบหนึ่ง หรือจะใช้การสอนทั้งสองวิธีด้วยกัน การตอบคำถามนี้ เราจำเป็นต้องกล่าวถึงวิธีการสอนทั้งสองวิธีร่วมกัน
การเรียนรู้ไวยากรณ์แบบนิรนัยเป็นสิ่งที่เห็นชัดแล้วในสมัยนี้ ก็คือการเน้นที่โครงสร้าง และความถูกต้อง ในขณะที่การสอนแบบอุปนัยจะเน้นไปที่ตัวผู้เรียนมากกว่าในการที่ผู้เรียนจะสรุปกฎออกมาเอง ในฐานะครู เธออาจได้รับนโยบายจากผู้บริหาร หรือเราเองเป็นผู้เลือกว่าวิธีการใดจะเหมาะสมกับเรา และผู้เรียนมากกว่ากัน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการระบุถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อกำหนดงานที่ดีที่สุดในบริบทเฉพาะของเราเอง
วิธีการสอนไวยากรณ์แบบจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ?
ในขณะที่หนังสือแบบเรียนจำนวนมาก อาจรวมกิจกรรมที่ใช้วิธีการแบบนิรนัย และอุปนัยร่วมกัน แต่โดยส่วนใหญ่ในหนังสือแบบเรียนจะนำเสนอกฎ ให้ตัวอย่าง และนำเสนอกิจกรรม แน่นอนว่าใช้วิธีการแบบนิรนัย วิธีการแบบนิรนัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าจะเน้นไปที่โครงสร้างที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้เรียนที่กำลังเริ่มเรียน และใช้เป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับนักเรียนในการกลับมาทบทวนเรื่องโครงสร้างที่เรียนไปแล้วสิ่งนี้คือข้อได้เปรียบ แต่ปัญหาคือวิธีการนี้จะจำกัด ในประสบการณ์ของฉัน บางครั้งการนำเสนอกฎผ่านหนังสือเรียนจะไม่ประสบผลสำเร็จเสมอไป โครงสร้างบางอย่างก็ไม่มีในภาษาที่ 1 ของนักเรียน หากใช้วิธีการนี้ต่อไป ก็ไม่สมควรที่จะใช้แบบเรียน เว้นไว้ก็แต่ให้เวลานักเรียนในการสำรวจแบบเรียน แล้วค่อยเรียนกฎในภายหลัง และบางครั้งก็อาจเกิดความเข้าในผิด และสุดท้ายคือความสับสน สิ่งที่ฉันจะทำเมื่อเจอไวยากรณ์ที่ยากๆก็คือการใช้วิธีแบบอุปนัย และนำเสนอไวยากรณ์ในชีวิตจริง และบริบทที่จับต้องได้ ในแง่นี้ พวกเราได้ช่วยให้ผู้เรียนค้นพบหลักการและนำไปสู่ชีวิตจริง ปัญหาที่ปรากฏก็คือ พวกเราไม่อาจเน้นไปที่วิธีการสอนแบบอุปนัย เพราะหนังสือแบบเรียนไม่ยกตัวอย่างเพียงพอให้เราได้ใช้ และข้อทดสอบเราจะเป็นแบบโครงสร้างและความถูกต้อง
การออกไปนอกแบบเรียน
มีความรู้เชิงไวยากรณ์จำนวนมากที่สามารถเรียนแบบอุปนัยได้ นอกจากนี้ยังมีแหล่งความรู้ทางอินเตอร์เน็ทที่ครูสามารถแสดงไวยากรณ์ในเชิงกระทำได้เลย หากฉันจะสอนเรื่อง Present Continuous และแบบเรียนไม่ตรงตามที่ฉันจะย่อยให้นักเรียน ฉันอาจดูยูทูป เช่นสนามบินที่พลุกพล่าน โน้มน้าวนักเรียนในเรื่องการเดินทาง (สมมติว่าพวกเขาได้เดินทางจริงๆ) ต่อจากนั้นฉันอภิปรายถึงสิ่งที่ผู้คนได้ทำ จากขั้นตอนนี้ เราจะดึงกฎไวยากรณ์เรื่อง Present Continuous และกลับมาที่แบบเรียนเพื่อทบทวนโครงสร้างของกาลเวลานี้ ดังนั้นแบบเรียนก็ไม่ถูกละทิ้ง แต่กระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบอุปนัย
คำตัดสินสุดท้าย: แบบเรียน และโครงสร้างของไวยากรณ์เป็นจุดสิ้นสุดหรือไม่? ครูควรจะไม่ใช้แบบเรียนไวยากรณ์หรือไม่? ครูควรทำตามแบบเรียนหรือทำตามตนเองดี? แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอก อันดับแรก หลักสูตรไวยากรณ์อาจถูกร่างโดยคณะกรรมการบริหาร ซึ่งเข้มงวดเกินไป ดังนั้นครูควรจะทำตามแบบเรียน ในขณะเดียวกันก็หาของใหม่มาเพิ่ม (supplement) หรือ ปรับปรุงเปลี่ยนแปร (adapt) เนื่อง หลังจากที่ครูพยายามเพิ่มความยืดหยุ่น ต่อจากนั้นจึงให้ครูมาประเมินว่าแบบเรียนตรงกับความต้องการนักเรียนหรือไม่ อย่างไร ในกรณีที่แบบเรียนไม่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน และเสนอไวยากรณ์ที่ถ่ายทอดยาก ฉันจะนำเสนอไวยากรณ์แบบอุปนัยมาแทนที่เอง
แบบเรียนจะขาดความยืดหยุ่นและเตรียมมาเป็นอย่างดี แต่ภาษาไม่เป็นแบบนั้น ในขณะที่มีกฎที่แน่นอนจำนวนมาก ภาษาจะมีความยืดหยุ่น และค่อยๆเปลี่ยนไป ตามการใช้ภาษา และรวมถึงเทคโนโลยี พวกเราควรมีความยืดหยุ่น เพื่อที่ว่าจะได้มีการเปลี่ยนแปลงได้ทันการ
แปลและเรียบเรียงจาก
Salaiman Jenkins. To textbook or not to textbook? This is grammar question
ขอบคุณบทความดีๆ ค่ะอาจารย์
ภาษา เป็นสื่อ ที่มนุษย์ ใช้เพื่อ ความเข้าใจ ซึ่งกัน และกัน..ภาษา..จึงเปลี่ยนไป..ตามสภาพ คนและสถานที่ที่มนุษย์ไป..เป็นวัฒนธรรม..ตามพื้นที่และ ท้องถิ่น นั้น ๆ..โดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่กำหนด…
ขอบคุณกับความเห็นของคุณ tuknarak กับคุณยายธีมากๆครับ