ทุกวันนี้ เรามักจะได้ยินคนไทยบางกลุ่มพูดด้วยภาษาแปลก ๆ โดยพูดภาษาไทยคำหนึ่ง ภาษาอังกฤษ คำหนึ่ง ดูสับสนวุ่นวายไปหมด ครูสรเองคิดว่า เราเป็นคนไทยก็น่าจะพูดกันด้วยภาษาไทย สื่อสารกันด้วยภาษาไทย ไม่จำเป็นต้องไปพูดภาษาไทยคำ ภาษาอังกฤษสองคำ เหมือนคนบางคนในสมัยนี้ ยกเว้นคำบางกลุ่มที่เป็นศัพท์ทางวิชาการซึ่งมีความจำเป็นจริง ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นภาษาไทยให้เข้าได้ ก็ยกประโยชน์ให้จำเลยไป ส่วนคำบางคำที่มีความหมายเป็นภาษาไทยออกจะชัดเจน ก็ให้พูดเป็นภาษาไทยไปเถอะค่ะ ไม่มีใครไปว่าท่านมีความรู้น้อยหรอกค่ะ โดยเฉพาะการพูดชี้แจงให้ความรู้ต่าง ๆ คิดกันบ้างไหมค่ะว่าชาวบ้านธรรมดา ๆ รุ่น คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือเด็ก ๆ เขาจะเข้าใจที่พูดหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ แหม่ ! วันนี้ครูสรออกจะมาแนวดุดันสักหน่อย เหตุผลเพียงนิดเดียว อยากให้คนไทยพูดกันด้วยภาษาไทยให้สื่อสารเข้าใจกันง่าย ๆ เท่านั้นเองค่ะ
ภาษาไทย เป็นภาษาที่อยู่คู่กับคนไทยมานานตั้งแต่สมัยโบราณ เรามีพระบิดาแห่งอักษรไทยคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ทรงประดิษฐ์อักษรไทยให้คนไทยได้ใช้กัน และจารึกลงบนหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกว่า “หนังสือหิน” ซึ่งต่อมามีการพัฒนาให้มีการใช้ภาษาที่ง่ายขึ้นตามลำดับ และทุกคนคงจำกันได้อยู่ใช่ไหมค่ะว่า แบบเรียนภาษาไทยเล่มแรกของไทย เรียกว่า “จินดามณี” ลักษณะของจินดามณีจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อักขรวิธี กับฉันทลักษณ์ เป็นแบบเรียนที่แต่งโดยพระโหราธิบดี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แต่วันนี้ ครูสรไม่ได้มาอธิบายถึงรายละเอียดของหลักศิลาจารึกหรือหนังสือจินดามณี หรอกนะค่ะ แต่จะมาสอนทุกคนให้รู้จักคำในภาษาไทยชนิดหนึ่งนั่นคือ “คำไทยแท้”
คำไทยแท้ เป็นคำที่มีลักษณะเป็นคำพยางค์เดียว เป็นคำโดด ๆ ฟังเข้าใจง่าย ๆ มักสะกดตรงตามมาตราตัวสะกด ไม่มีตัวการันต์ ไม่เป็นคำควบกล้ำ คำไทยแท้จะมีวรรณยุกต์หรือไม่มีวรรณยุกต์ก็ได้ ซึ่งคำและความหมายจะแตกต่างกันไปตามวรรณยุกต์ที่ใช้ เป็นคำที่สามารถนำมาสร้างเป็นคำใหม่ได้โดยการนำคำไทยแท้สองคำมาประสมให้เกิดเป็นคำใหม่มีความหมายใหม่ก็ได้เช่นกัน คำไทยแท้ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีตั้งแต่เด็ก ๆ ที่ประสมด้วยสระไอไม้ม้วนทั้ง 20 คำ ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ให้สะใภ้ไว้คล้องคอฯ ก็จัดว่าเป็นคำไทยแท้ทั้งหมดค่ะ นอกจากนั้น คำไทยแท้คำเดียวกันสามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่าง เช่น คำนาม คำกริยา คำวิเศษณ์ เป็นต้น
คำไทยแท้ส่วนมากมีพยางค์เดียว แต่ก็อาจมีหลายพยางค์ได้เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการกร่อนเสียง การแทรกเสียง หรือการเติมพยางค์หน้าคำมูล
ครูสรขอสรุปเพื่อให้จำลักษณะของคำไทยแท้กันอย่างง่าย ๆ และนำไปใช้ในการเรียนรู้ได้ดังนี้
หลักการสังเกตคำไทยแท้
1. มีพยางค์เดียว เรียกว่า คำโดด เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา สูง ต่ำ ดำ ขาว
2. คำไทยแท้ จะไม่มีตัวการันต์
3.คำไทยแท้ส่วนมากจะมีตัวสะกดตรงตามมาตราในภาษาไทย ยกเว้นบางคำที่ประสมด้วยสระอำ จะเป็นภาษาเขมร เช่น ทราบ กราบ เกิด หรือคำที่อ่านออกเสียงสระอะในตัวอักษรตัวสุดท้ายบางคำจะเป็นภาษาบาลี สันสกฤต เช่น เอก อ่าน เอก-กะ ,นาม อ่าน นาม-มะ คำเหล่านี้จะไม่เป็นคำไทยแท้
4. มีวรรณยุกต์หรือไม่มีวรรณยุกต์ก็ได้ ความหมายจะแตกต่างกันตามวรรณยุกต์ที่ใช้
5. คำไทยแท้นำมาสร้างเป็นคำใหม่ได้ โดยนำคำไทยแท้ 2 คำมาประสมกัน หรือเป็นซ้อน คำซ้ำ เช่น คัดเลือก
6. คำที่ประสมด้วยสระไอไม้ม้วน 20 คำ (20 ม้วน จำจงดี)
7. คำไทยแท้ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง เช่น คำว่า “ดี”
- เป็นคำกริยา ตัวอย่างเช่น พี่ดีต่อน้อง
- เป็นคำนาม ตัวอย่าง เช่น ดีมีรสขม
- เป็นคำวิเศษณ์ ตัวอย่างเช่น คนดีจะมีความสุข
8. ไม่นิยมเป็นคำควบกล้ำ แต่ยกเว้นคำที่ควบกล้ำด้วย กร กล กว คร คล ปร ปล พร พล
9. มักมีพยางค์เดียว แต่อาจมีหลายพยางค์ได้เช่นกัน ดังนี้
- กรณีเกิดจากการกร่อนเสียง เช่น หมากพร้าว เป็น มะพร้าว ,หมากม่วง เป็น มะม่วง
- เกิดจากการแทรกเสียง เช่น เดี๋ยว เป็น ประเดี๋ยว ,ลูกดุม เป็น ลูกกระดุม ทำ เป็น กระทำ 10. ไม่ใช้ “รร” เช่น คำว่า อัศจรรย์ มหรรณพ บรรทัด
ไม่มีความเห็น