การที่ประเทศไทยจะพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้ประชาชนมีรายได้ มีการอยู่ดีกินดี คงหนีไม่พ้นที่ประเทศจะต้องมีการติดต่อกับต่างประเทศเพื่อทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าการค้าหรือการลงทุนเพราะตลาดต่างประเทศถือว่าเป็นแหล่งเงินที่สำคัญที่จะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงจำเป็นต้องทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีการเจริญเติบโต ซึ่งการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญด้านหนึ่งคือการค้าระหว่างประเทศซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศในด้านต่างๆ ดังนี้
1. เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะในเรื่องการส่งออกซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมีอุปสงค์ภายในประเทศมากขึ้นทำให้มีการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปขายต่างประเทศมากขึ้น และก่อให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
2. มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพกล่าวคือ มีการใช้ทรัพยากรภายในประเทศเพื่อผลิตสินค้าที่ตนถนัดและสามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้โดยลดปริมาณสินค้าที่ตนเองไม่ถนัดลง ทำให้มีการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ทำให้ตลาดภายในประเทศมีการขยายตัวเนื่องจากมีการผลิตภายในประเทศมากขึ้นเพราะมีการค้าขายระหว่างตลาด 2 ตลาดคือ ตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นผลดีต่อประชาชนภายในประเทศในเรื่องการก่อให้เกิดการจ้างงานและก่อให้เกิดรายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น
4. ทำให้มีการพัฒนาทางด้านความรู้ ทักษะการทำงาน และเทคโนโลยี เพราะมีการปรับปรุงพัฒนาการผลิตสินค้าภายในประเทศ ทำให้ต้องมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการทำงาน ซึ่งก่อให้ประชาชนมีความรู้ ความสามารถที่จะเรียนรู้ และพัฒนาในการใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพสามารถส่งออกไปขายแข่งขันกับต่างประเทศได้
5. การค้าระหว่างประเทศทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศจากประเทศที่พัฒนาแล้วไปยังประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนระหว่างประเทศกล่าวคือ สถานประกอบการต้องพิจารณาเลือกแหล่งที่ตั้งของสถานประกอบการให้ใกล้ชิดตลาดส่งออกเพื่อลดต้นทุนในการผลิต
การที่ประเทศไทยทำการค้าระหว่างประเทศ ประเทศไทยประสบปัญหาการค้าที่สำคัญดังนี้
1. การกีดกันทางการค้าจากตลาดส่งออกที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพรุโรป เป็นต้น
2. มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการแข่งขันกับตลาดส่งออกที่สำคัญ
3. สินค้าส่งออกของไทยประสบปัญหามาตรการทางภาษีจากการตอบโต้การทุ่มตลาดและตอบโต้การอุดหนุนสินค้า
4. ประเทศไทยประสบปัญหาและอุปสรรคในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศในด้านต่างๆ คือ ค่าจ้างแรงงาน สภาพคล่องทางการเงิน มาตรการทางภาษี ขั้นตอนการส่งออกสินค้าที่ยุ่งยาก และเรือที่ใช้ขนส่งสินค้าทางน้ำ เป็นต้น
5. เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้าส่งออกของประเทศไทยยังมีคุณภาพไม่ดีเท่ากับต่างประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีมาตรฐานของสินค้าด้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ดังนั้นผู้เขียนเห็นว่าการที่ประเทศไทยจะทำการค้ากับตลาดต่างประเทศ ประเทศไทยจะต้องพยายามหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้ และควรให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดหลักของประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนในการขอชำระ และขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าให้มีน้อยลง หรือเพื่อให้สะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างประเทศสำหรับประเทศคู่ค้าที่ทำการค้าระหว่างประเทศ หากประเทศไทยสามารถทำการค้ากับต่างประเทศได้โดยสินค้าที่ส่งออกสามารถแข่งขันกับต่างประเทศไทยและมีตลาดส่งออกหลายแห่งก็จะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศไทยให้มีความเจริญเติบโต ประชาชนมีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาครัฐในการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้มีความทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้วได้
ขอบคุณมาก สำหรับบทความบทนี้^^
ขอบคุณมากนะครับ
หนังสืออะไรหรอ