ประยงค์
ร้อยตรี ประยงค์ ธรรมมะธะโร

ทุกข์ของนักพูดสมัครเล่น


“ทุกข์ของนักพูดสมัครเล่น” 

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า”ไม่ใช่พิธีกรหรือวิทยากรมืออาชีพ” เพราะไม่มีวุฒิบัตร ไม่มีเอกสารการอบรมอยู่ในมือ แต่อดีตเคยรับราชการครูเป็น”ฝ่ายวิชาการ” ต้องไปอบรมบ่อยๆ กลับมาต้องมาขยายผลให้คณะครูเพื่อนำไปปฏิบัติ เลยตกกระไดพลอยกระโจนมาเป็น”นักพูดสมัครเล่น” เรื่อยๆ มา เผอิญเข้า”วัดหนองบัว”เลยกลายมาเป็นนักพูดสมัครเล่นที่วัดหนองบัว จ.ประจวบฯ ในช่วงงานกฐินหรือวันพระ วันสำคัญทางศาสนาจนถึงปัจจุบันนี้ครับ

   พอนานๆ หลายๆ ปี นึกอยากจะเก็บสะสมผลงานเอาไว้เพื่อรำลึกนึกบ้างว่า ชีวิตนี้เคยทำความดีเหมือนกับชาวบ้านชาวเมืองเขาอยู่นะ จะได้มีหลักฐานเป็นแบบแผน ดูก็รู้ เห็นก็เข้าใจ แต่ก็ค่อนข้างลำบาก เพราะเหตุดังนี้ 

1. ก่อนจะพูด จริงๆ แล้วควรจะมีคนมากล่าวประวัติย่อๆ เช่น ชื่อ สกุล จบการศึกษา อาชีพฯ ซึ่งทำให้คนฟัง มองภาพออก คนจะพูดลำดับต่อไปก็ไม่เก้อเขิน(แต่ที่วัดไม่ค่อยมีใครสนใจจะพูด) พอถึงเวลา ผมก็ต้องจับไมโครโฟนแล้วพูดเลย...ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะครับ

2. เวลาพูด เหมือนจะไม่มีการเตรียมตัว ไม่ได้ตั้งหัวข้อ หรือวางแผนเอาไว้ จับไมโครโฟนได้ก็ต้องพูดไปเรื่อยๆ(ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง) ให้อยู่ในประเด็นเกี่ยวกับการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา   

3. ระหว่างที่พูด เราไม่ใช่บุคคลสำคัญ(ขณะพูดจะมีคนคอยจดบันทึกแล้วมาสรุปประเด็นให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง ทำให้จำแม่นยำยิ่งขึ้น)พอพูดไปก็นึกไปเรื่อย จบแล้วก็ไม่มีสาระเก็บไว้ในมือตนเอง น่าเสียดายเพราะเราเองก็จำได้ไม่ตลอดในสิ่งที่พูดไป   

4. ระหว่างพูด อยากจะได้ภาพตัวเองไว้เป็นหลักฐานสักหน่อยก็ไม่ค่อยจะได้ ที่ได้มาก็เพราะเขาถ่ายให้บ้าง  ติดมากับภาพท่านอื่นบ้าง พอได้ภาพยืนยันว่าพูดในงานนั้นๆ จริง(ประเดี๋ยวจะหาว่า”คุยโม้”มีแต่ตัวหนังสือ ไม่เห็นมีรูปภาพยืนยัน)   

5. ระหว่างพูดไป อยากจะมีสื่อประสมประกอบการพูด เป็นรูปธรรมหรือให้ทันสมัยสักหน่อย ที่วัดก็ไม่ค่อยมีเทคโนโลยีเพียงพอ ก็ต้องทนฟังคนพูดที่แก่ๆ  เหี่ยวๆ เสียงพูดแหบๆ แห้งๆ ฟังไม่เร้าใจ ไม่ตื่นเต้น เท่าที่ควร(แต่ก็ดีนะ เคยเห็นวิทยากรหลายท่าน เตรียมสื่อมาอย่างดี พอมางานเอามาใช้กับเครื่องคอมฯ เปิดไม่ได้บ้าง โปรแกรมไม่มีบ้าง เครื่องคอมฯค้างบ้าง หลายท่านก็เก้ๆ กังๆ ก็มี พูดได้ไม่เต็มที่ก็มี)   

6. เวลาจะจบเรื่องที่พูด ขึ้นอยู่กับพระภิกษุสงฆ์ว่าท่านขึ้นมานั่งบนอาสนะครบหรือยัง ครั้นครบก็ต้องจบหรือรีบสรุป เพื่อเข้าสู่พิธีการทางศาสนา บางทีก็จบแบบห้วนๆ บางทีก็ยกยอดไปต่อวันพระหน้า(ก็ดีนะครับ ทำให้ผู้ฟังที่ติดตามฟัง ต้องมาอีกวันพระหน้า เพื่อฟังเรื่องราวต่อ เลยได้กลับมาบำเพ็ญบุญสร้างบารมีอีกครั้ง)

  ครับ... ที่บรรยายมาข้างต้นทั้งหมด เป็น “ทุกข์ของนักพูดสมัครเล่น” นำมาเล่าสู่ท่านฟัง ท่านใดเคยรู้สึก หรือเป็นนักพูดสมัครเล่นคล้ายผมบ้างหรือเปล่า?  หรือว่ามีข้อเสนอเพิ่มเติมก็จักเป็นพระคุณยิ่ง เขียนบอกแนะนำได้นะครับ ขอขอบพระคุณที่ท่านอ่านมาจนจบบันทึกครับ.

หมายเลขบันทึก: 651707เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2018 21:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2018 21:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท