ชีวิตที่พอเพียง 3251. ใช้จุดอ่อนเป็นข้อได้เปรียบ



หนังสือ David and Goliath : Underdogs,Misfits, and the Arts of Battling Giants  (2013)  เขียนโดย Malcolm Gladwell   เป็นหนังสือ NationalBest Seller ของสหรัฐอเมริกา    บอกว่าจุดอ่อนหรือข้อด้อย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอุปสรรคต่อชีวิตเสมอไป   มีคนจำนวนมากใช้จุดอ่อนของตนเป็นพลังกระตุ้นความมานะพยายามสู่การสร้างความสำเร็จอย่างสูงส่งในชีวิต

ชื่อหนังสือ บ่งบอกว่า “ไก่รองบ่อน” หรือ “ม้านอกสายตา”ที่หนังสือใช้คำว่า underdog สามารถใช้วิธีใดพลิกกลับสถานการณ์ให้ตนเป็นผู้ชนะได้   โดยเรื่องราวส่วนใหญ่ในหนังสือ เป็นเรื่องเอาชนะอุปสรรคในชีวิต

ผมจับความได้ว่ายุทธศาสตร์ใหญ่มีสองด้าน คือด้าน “รู้เขา รู้เรา”    กับด้าน “ขับดันพลังภายในตนเอง”    

ชื่อหนังสือ เน้นที่ พลัง “รู้เขารู้เรา” แล้วต่อสู้โดยยึดกุมข้อได้เปรียบของตนเองเหนือคู่ต่อสู้ ที่มีความได้เปรียบในภาพใหญ่  เดวิด เด็กเลี้ยงแกะตัวกะเปี๊ยกรู้ว่าตนเองสู้กับนักรบตัวยักษ์แบบรุกประชิดไม่มีทางชนะ   แต่ตนเป็น “นักแม่นก้อนหิน”   เหวี่ยงก้อนหินโดนตายักษ์โกไลแอ็ธอย่างแม่นยำ    ล้มยักษ์และตัดหัวยักษ์ได้    โดยที่พลังเบื้องหลังคือความกล้าหาญหรือกำลังใจ   และมีสมอง

สู้ยักษ์ต้องอย่าเข้าทางยักษ์  หาทางของตนเอง ที่ยักษ์ไม่มีทางสู้    เปรียบเสมือนคนเรียนไม่เก่งนัก    อย่าทำตามฝูงเพื่อนนักเรียนที่แย่งกันสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ    ให้เลือกหาทางเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็น “ทาง” ของตนเอง     คือสอนวิชาที่ตนสนใจได้ดี    แล้วเรียนให้ได้ผลดีเด่น   โอกาสข้างหน้าจะสูงกว่าไปเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแล้วไปสอบตกหรืออยู่ในกลุ่มท้ายๆ   เพราะไปเจอคนเก่งกว่ามากมายแล้วหมดกำลังใจ  

คนเราเลือกเกิดไม่ได้    และใครๆก็อยากเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและมีเกียรติสูงในสังคม    เพราะเป็นคนมีโอกาสสูง    แต่คนที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากลำบากก็อาจประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตได้    หากใช้ความด้อยโอกาสของตนเป็นพลังขับดันความมานะพยายามเพื่อออกจากสภาพยากจนนั้น    ในขณะที่ลูกเศรษฐีไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนขวนขวาย เพราะมั่นใจว่าอย่างไรพ่อแม่ก็มีเงินเลี้ยงดูอย่างดี    จึงไม่ฝึกฝนตนเอง    โอกาสประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตจึงยากกว่า   

เขายกตัวอย่างโรงเรียนลูกเศรษฐีที่ชั้นเรียนอาจมีเด็กเพียง ๙ คน   ครูสามารถดูแลใกล้ชิดมาก   แต่จุดอ่อนคือเด็กไม่มีโอกาสเรียนรู้จากการมี้เพื่อนที่แตกต่างกันในเศรษฐฐานะ  และความคิดอ่าน    ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ที่มีค่ายิ่ง   

หนักขึ้นไปอีกเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติในการเรียน ด้านการอ่าน    จึงพัฒนาวิธีเรียนรู้ด้านอื่นขึ้นชดเชย  คือการฟัง   ทำให้เป็นนักฟังที่เยี่ยมยอด   สามารถสังเกตจังหวะและถ้อยคำของผู้พูดได้ดีกว่าคนทั่วไป    หนังสือยกตัวอย่างทนายความที่มีความสามารถพิเศษดังกล่าว   สามารถจับจังหวะคำพูดที่ส่อพิรุธ   นำมาใช้ซักค้านจนได้หลักฐานสนับสนุนฝ่ายตน  

ผมเคยเห็นเด็กที่อ่านหนังสือและเรียนเลขไม่เก่งอย่างแรง     แต่มีหัวศิลปะเด่นชัดมาก    หยิบดินน้ำมันมาขยำๆก็กลายเป็นรูปสัตว์หรือสิ่งของที่เป็นชิ้นงานศิลปะ   มีตัวอย่างเด็กที่มีปัญหาการเรียนหนังสือ  แต่เด่นด้านอื่น อีกมากมาย  

ประสบการณ์ชีวิตที่บอบช้ำหรือเป็นบาดแผลทางใจ อาจกลายเป็นพลังขับดันความสำเร็จในชีวิต    เพราะได้มีโอกาสฝึกฝนการต่อสู้กับความยากลำบากหลากหลายด้านในชีวิตจริง    ที่เป็นสุดยอดของการเรียนรู้    ให้กลายเป็นคนแกร่ง มีความอดทนมานะพยายามไม่ท้อถอยง่าย  

คน “ด้อยโอกาส” กลับมีโอกาส เรียนรู้ ยุทธศาสตร์ “พลิกลบเป็นบวก” ในชีวิตจริง    โดยมีเคล็ดลับคืออย่าใช้ยุทธศาสตร์ที่ใช้กันทั่วไป   ให้คิดยุทธศาสตร์ที่คิดขึ้นเอง เพื่อใช้เฉพาะสถานการณ์ของตนเอง ที่ตนเองสามารถบรรลุผลได้     คนที่เกิดมาพร้อมกับความพรั่งพร้อม กลับ “ด้อยโอกาส” ฝึกฝนในรูปแบบดังกล่าว      

คุณสมบัติของคนที่จะบรรลุความสำเร็จยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งคือ“กล้าเสี่ยง”   ที่จะตั้งเป้าไว้สูง    และกล้าใช้ยุทธศาสตร์ใหม่ๆ ที่แหวกแนว  

เขาสรุปว่า อำนาจ ทรัพย์ และสุขภาพไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ชีวิต หรือระบบที่ประสบความสำเร็จเสมอไป   ในหลายกรณี การขาด ๓ สิ่งนี้อาจกลับเป็นพลังขับดันให้บรรลุความสำเร็จ   โดยพัฒนาสมรรถนะพิเศษภายในตนขึ้นมาชดเชย   

วิจารณ์ พานิช

๑๘ ก.ค. ๖๑


 

หมายเลขบันทึก: 651153เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2018 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม 2018 21:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท