หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ในบ้านเกิดของผม เป็นพื้นที่ชนบท เขตจังหวัดอุบลราชธานี ผมได้มีโอกาสเรียนหนังสือกับครูท่านหนึ่ง สิ่งที่น่าตกใจคือ ผมไม่เคยเห็นตัวจริงท่าน รู้เพียงเเต่ว่าท่านเป็นครู ที่สอนดีมากๆ การเรียนในครั้งนั้น ทำให้ผมได้สัมผัสกับบรรยากาศในห้องเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีครูและนักเรียนพร้อมหน้ากัน ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้โรงเรียนผมไม่มี เพราะโรงเรียยนของเราครูไม่พอต่อจำนวนนักเรียน
ทุกๆ วัน หลังจากพวกเราเข้าห้องเรียน คุณครูประจำชั้นประถมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนเรา ท่านจะเดินกดปุ่มเปิดโทรทัศน์ ตั้งเเต่ ป.4 - ป.6 คุณครูจะให้พวกเราร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะเริ่มเรียนตามโทรทัศน์ ในตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าเราจะต้องร้องทำไม รู้สึกเสียเวลา ผมอยากรีบเรียนในโทรทัศน์มาก เพราะมันสนุกและคุณครูท่านสอนเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากผมจบชั้นประถามศึกษาปีที่ ๖ ผมมีโอกาสได้มาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในโรงเรียนประจำอำเภอ จุดนี้เองทำให้ผมได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริ การเดินทางครั้งนั้น ทำให้ผมทราบว่าการเรียนการสอนในโทรทัศน์ที่ผมเห็น เป็นหนึ่งในรายการของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มูลนิธิของพระองค์ทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้โลกภายนอก ผ่านหน้าจอโทรทัศน์อย่างง่ายดาย แม้โรงเรียนของเราจะเป็นโรงเรียนเล็ก อยู่ในเขตชนบท ทั้งยังขาดเเคลนครู แต่ยังดีที่มีสัญญาณโทรทัศน์ ถ่ายทอดการเรียนการสอน ทำให้เราได้มีโอกาสในการเรียนรู้เท่าเทียมกับผู้อื่น
แน่นอนครับ ว่าทุกคนต้องมีช่วงตามหาฝันแห่งชีวิต ของผมก็เช่นกัน มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เป็นช่วงชีวิตที่ค่อนข้างคิดหนัก ต่องคอยถามตัวเองว่า “ผมจะเลือกเรียนอะไร” เพื่อให้ตอบโจทย์ของชีวิตและเป็นประโยชน์กับผู้อื่น แต่เเล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้าบันดาล หัวใจและความคิดของผม ได้ระลึกถึงอดีตที่เคยดูการเรียนการสอนในโทรทัศน์ จากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม สิ่งนี้เองทำให้ผมตัดสินใจอยากเป็นครู เพื่อออกไปพัฒนาประเทศ เเละช่วยเหลือนักเรียนผู้ที่ต้องการการเรียนรู้ในถิ่นต่างๆ
เป้าหมายที่ผมปักเอาไว้ในตอนนั้น ส่งให้ผมมาเรียนในคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามในปัจจุบัน แรงบันดาลใจที่สำคัญก็คือผมเห็นพระองค์ ผู้เป็นเป็น “พ่อหลวงของชาวไทย” พระองค์ทรงทำงานหนักในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการศึกษา ช่วยเหลือเด็กในชนบทห่างไกล ได้เรียนรู้และทำตามความฝันของตนเอง
อีกสิ่งที่ผลักให้ผมเลือกเส้นทางนี้ก็คือ ผมอยากเป็นข้าราชการผู้รับใช้แผ่นดิน อยากเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ อยากเป็นผู้ร่วมพัฒนาส่งเสริมศักยภาพเด็กเยาวชนของชาติให้ถึงความฝัน
ผมในฐานะประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง ผมขอสัญญาเอาไว้ ในเรียงความฉบับนี้ว่า หากผมได้มีโอกาสเป็น “ข้าราชการรับใช้แผ่นดิน” ผมจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาประเทศชาติตอบเเทนพระองค์ท่าน ที่ได้พระราชทานสื่อการเรียนรู้และสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้และเติบโต จนมาเป็นนิสิตในปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น