form_story_telling_2560_(1).docx
ชื่อเรื่อง วาระสุดท้าย
เจ้าของผลงาน นางกุลนิษฐ์ ดำรงค์สกุล
หน่วยงาน หน่วยสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
เบอร์ติดต่อ -
เนื้อเรื่อง
ดิฉันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ สังกัดหน่วยสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ นอกจากภาระงานที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ประสบปัญหาสังคมแล้ว งานที่ได้รับมอบหมายอีกประการหนึ่งคือ เป็นนักสังคมสงเคราะห์ในทีมชีวิตาภิบาล ซึ่งประกอบไปด้วยแพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ และ สหวิชาชีอื่นๆ รวมตัวกันเป็นทีมดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายอย่างเป็นองค์รวม เติมเต็มวาระสุดท้ายของผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม อารมณ์ และจิตวิญญาณ ซึ่งดิฉันอยู่ในส่วนของเติมเต็มทางสังคม ตามชื่อตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ
เรื่องเล่าจากใจของดิฉันเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 พยาบาลประจำคลินิกการแพทย์ผสมผสาน ได้ส่งผู้ป่วยเข้ารับคำปรึกษา 1 ราย เรื่องหาผู้ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน เนื่องจากทางทีมรักษาสังเกตว่าผู้ป่วยมีท่าทีปกปิดประวัติ ทีมไม่สามารถประเมินได้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน เนื่องจากผู้ป่วยมาโรงพยาบาลคนเดียว หลายครั้งที่ admit พบว่ามีแฟนมาเฝ้า แต่ก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีใครแสดงตนว่าเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยตัวจริง
เมื่อทำการรวบรวมข้อมูลทั้งจากการสัมภาษณ์ และเยี่ยมบ้านแล้วพบว่าผู้ป่วยมีประวัติมีภรรยาหลายคน มีบุตรแต่ไม่เคยดูแล ปัจจุบันย้ายจากบ้านตนเองกลับมาอยู่บ้านมารดา ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ ผู้ดูแลปัจจุบันเป็นหลาน ซึ่งทำหน้าที่เพียงชงนม (Esure) ให้ แถมยังต้องจ้างโดยใช้เงินสะสมของผู้ป่วยที่เหลือน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้คนไข้มีภาวะทุพโภชนาการ และภรรยาปัจจุบันที่มีอยู่ 2 คน ก็ไม่สมัครใจให้การดูแล อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเยี่ยมบ้าน ทีมก็ได้พบลูกชายคนหนึ่งของคนไข้ที่มาเยี่ยมพอดี เราจึงได้พูดคุยกันถึงแนวทางการดูแลผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งพิจารณาแล้ว เห็นว่ามี 2 ทางเลือก คือ จ้างผู้ดูแลที่บ้าน หรือ ส่งคนไข้ไป hospice โดยทีมได้ทิ้งทางเลือกไว้ให้คนไข้และลูกชายช่วยกันพิจารณาหาข้อสรุป
ก่อนกลับ ทีมงานพากันเดินไปขึ้นรถ เหลือเพียงดิฉันที่คนไข้เรียกไว้ แล้วถามว่า
คนไข้ : “หนู.. หนูคิดว่าลุงควรจะไปอยู่ nursery หรือ จ้างคนมาดูแลดี”
ดิฉันจ้องลงไปในดวงตาของคนไข้ เห็นทั้งความกังวล และความอ้างว้าง ปรากฏอยู่ในแววตาที่สะท้อนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ความรู้สึกที่คนไข้ไม่เคยพูดออกมาให้พวกเราได้ยิน แม้จะรู้สึกเห็นใจเพียงใด แต่ระเบียบวิธีปฏิบัติงานต้องมาก่อน ดิฉันจึงตอบว่า
ดิฉัน : “คุณลุงขา หนูตัดสินใจแทนคุณลุงไม่ได้หรอกค่ะ หนูทำได้แค่เสนอ ทางเลือกให้คุณลุง สุดท้ายคุณลุงต้องเลือกเองนะคะ”
คนไข้ : “ลุงเลือกไม่ถูกหรอก”
ดิฉัน : “คุณลุงอยากไปอยู่ nursery ไหมล่ะคะ”
คนไข้ : ก้มหน้า…อุบอิบตอบว่า …“ลุงไม่อยาก”
ดิฉัน : “คุณลุงขา… นั่นแหละค่ะทางเลือกของคุณลุง”
คนไข้ : เงยหน้าขึ้น และ คว้ามือของดิฉันขึ้นไปกุม ก้มหน้าลงมาจนเกือบจะ ชิดมือ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ พึมพำว่า “ขอบใจหนู ขอบใจมาก”
ก่อนขึ้นรถ ดิฉันได้สนทนาสั้นๆกับลูกชายของคนไข้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกชายกล่าวขอบคุณที่ทำให้เขาไม่ต้องลำบากใจในการส่งคุณพ่อไปอยู่ hospice
ทีมเรายังคงติดต่อกับ case นี้ อยู่ตลอดการรักษา ลูกชายคนไข้บอกกับดิฉันว่าถึงพ่อจะไม่เคยดูดำดูดี แต่เขาก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้มาดูแลพ่อด้วยตนเอง เนื่องจากต้องทำงานอยู่ภาคใต้ ที่ซึ่งแม่พาตนเองมาอยู่ด้วยตั้งแต่เกิด หลังจากหย่ากับพ่อ เขารู้สึกว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีพอ ดิฉันจึงได้ตั้งคำถามสั้นๆ ว่าตั้งแต่พ่อป่วย เขาได้ทำอะไรบ้าง เขาตอบว่า วิ่งขอสิทธิ์(เรียกว่าบากหน้าไปหาน้องคนละแม่เพื่อขอใช้สิทธิ์การเบิกจ่ายจะถูกกว่า), พาพ่อมารักษา, วิ่งขึ้นล่องกรุงเทพ-ใต้ มาดูแลพ่อทุกสัปดาห์, หาคนดูแลให้, มาเฝ้าทุกครั้งที่ admit และอื่นๆ อีกมากมาย ดิฉันฟังแล้วจึงตั้งคำถามกลับไปสั้นๆ ว่า “นี่ยังไม่ดีพออีกหรือคะ” สิ้นคำถาม เขามองหน้าดิฉันด้วยสีหน้าพิศวง แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มเหมือนเพิ่งคิดออก พึมพำว่า “พี่ว่านี่ดีแล้วใช่ไหม?” ดิฉันตอบว่า “คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ อย่ากังวลไปเลย” ต่อมา เมื่อเราเจอกัน เขาไม่เคยเอ่ยถึงความรู้สึกผิดนี้อีกเลย
สิ่งนี้คือความประทับใจของดิฉันที่มีต่อการดูแลคนไข้ประคับประคองที่ไม่ใช่การดูแลคนไข้อย่างเดียว หากแต่ประทับใจในการดูแลองค์ประกอบความเป็นคนและการดูแลมิตินั้นควบคู่กันไปกับการดูแลมิติทางร่างกายและองค์ประกอบในมิติอื่นๆ
ในที่สุด วาระสุดท้ายของคนไข้รายนี้ก็มาถึง เป็นวาระสุดท้ายในฝันของใครหลายคน คือ คนไข้จากไปอย่างสงบ ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการยื้อชีวิตด้วยเครื่องมือต่างๆ คนไข้ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลยแม้กระทั่งความเจ็บแค้นเคืองโกรธในอดีต ในทางกลับกัน คนไข้ได้เติมเต็มชีวิตของคนอีกหลายคน โดยเฉพาะลูกชายที่คิดเสมอว่าพ่อไม่รักไม่ใยดี แต่ตนเองกลับมีส่วนสำคัญที่สุดในการเติมเต็มวาระสุดท้ายของพ่ออย่างเต็มความสามารถ เป็นวาระสุดท้ายของการเป็นพ่อลูกที่สมบูรณ์ที่สุดในสายตาของดิฉันเลยก็ว่าได้
ไม่มีความเห็น