ณัฏฐ์จิรา
นางสาว ณัฏฐ์จิรา กวินภพชุติสิริ

บทอาขยานน่ารู้


ตัวอย่างบทอาขยานฝึกการท่องจำ


คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักบทอาขยานข้างล่างนี้ บทอาขยานช่วยฝึกสมองและส่งเสริมการจำได้อย่างดีดังตัวอย่างต่อไปนี้


วิชาเหมือนสินค้า

วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล



ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา



จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา



ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ



นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่



ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง



สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง



ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา



ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา



เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม



ขี้เกียจเป็นปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม



เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป



จึงจะได้สินค้ามา เป็นวิชาอันพิสมัย



จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา



หมายเหตุ ล้าต้า คือคนถือบัญชีเรือสำเภา



การใช้คำ “บัน” และคำ “บรร”



บันดาล ลงบันได บันทึกให้ ดูจงดี



รื่นเริง บันเทิงมี บันลือลั่น สนั่นดัง



บันโดย บันโหยไห้ บันเหินไป จากรวงรัง



บันทึง ถึงความหลัง บันเดินนั่ง นอนบันดล



บันกวด เอาลวดรัด บันจวบจัด ตกแต่งตน



คำ “บัน” นั้นฉงน ระวังปน กับ ร หัน



บรรจุ อีกบรรดา บรรเทามา หาบรรยาย



บรรลุ ไม่วุ่นวาย บรรลัยตาย บรรเจิดงาม



บรรจบ บรรทมนอน บรรจงก่อน บรรหารตาม



บรรทัด บรรทุกน้ำ บรรพตข้าม บรรพชา




การใช้สระ “ใ ” (สระไอไม้ม้วน)

ผู้ใหญ่ หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ ใช้คล้องคอ



ใฝ่ใจ เอาใส่ห่อ มิหลงใหล ใครขอดู



จะใคร่ ลงเรือใบ ดูน้ำใส และปลาปู



สิ่งใด อยู่ในตู้ มิใช่อยู่ ใต้ตั่งเตียง



บ้าใบ้ ถือใยบัว หูตามัว มาใกล้เคียง



เล่าท่อง อย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี



จากการท่องจำคำที่ใช้การสกดด้วย “บัน” หรือ “บรร” และการใช้ “สระไอไม้ม้วน” สามารถท่องจำและนำไปใช้ได้อย่างทันทีทันใด



นอกจากนี้การท่องสูตรคูณ ก็จัดว่าเป็นการเรียนแบบท่องจำอีกเช่นกัน เพราะคนที่ท่องได้อาจไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่องจำ แต่อย่างไรก็ตาม การท่องจำนั้นยังมีประโยชน์ในการเรียนการสอนเพราะเป็นการเสริมสร้างระบบการ ตอบสนองอย่างทันทีทันใดให้กับผู้เรียน และเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายมาก และที่สำคัญการเรียนรู้ในบางอย่างนั้นวิธีการที่ง่ายและเร็วที่สุดคือการ ท่องจำ



ลองทบทวนความจำของท่านดูซิว่า สิบสองคูณเก้าเป็นเท่าไร? บางท่านได้คำตอบทันที นั่นมาจากการท่องจำ…



ความแตกต่างของการท่องจำกับการจดจำ


“การท่องจำ” กับ “การจดจำ” นั้นคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน เพราะการท่องจำจะสามารถทวนคำที่จำได้ครบถ้วนแบบคล่องปาก แต่การจดจำเป็นการระลึกได้จากความทรงจำ ไม่ต้องมีสภาพของความคล่องปากและความเป็นอัตโนมัติ และอาจไม่สามารถทวนซ้ำด้วยวาจาได้อีกเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่การท่องจำจะทวนซ้ำคำเดิมด้วยปากเปล่าได้เหมือนเดิมทุกครั้งไป อย่างไรก็ตามทั้งการท่องจำและการจดจำใช้พื้นฐานของการทำงานของสมองเหมือนกัน คนสมองดีจำได้ดี ทั้งการท่องจำและการจดจำ



สำหรับผู้เรียนบางคนที่ ไม่สามารถจะเข้าใจในเนื้อหาบางเรื่องในเวลาที่เรียนขณะนั้นได้ การท่องจำให้เกิดเป็นระบบการตอบสนองอัตโนมัติติดตัว จึงเป็นหนทางของการเรียนรู้ในขณะนั้นได้ และเมื่อเวลาผ่านไปผู้เรียนมีวุฒิภาวะพร้อม อาจกลับมาเข้าใจเนื้อหาที่ครั้งหนึ่งไม่สามารถเข้าใจได้อีกด้วย เพราะเขาจดจำสิ่งที่ท่องจำไว้ได้



ประโยชน์ ของการท่องจำ


การเรียนในบางสาขาวิชายังมีความจำเป็นต้องท่องจำอยู่มาก ผู้เรียนบางท่านไม่อาจเข้าใจได้หรืออาจไม่ทราบความหมายที่เรียนในขณะเรียน แต่จำเป็นต้องเรียนในเนื้อหานั้น การใช้วิธีท่องจำจึงเป็นวิธีการเรียนที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อหานั้น โดยเฉพาะเนื้อหาประเภทที่ต้องใช้ความจำ เช่น กฎหมาย สูตรทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ และภาษา เป็นต้น ผู้เรียนต้องท่องจำไว้ก่อนเพื่อการสอบ



การสวดมนต์ เป็นภาษาบาลี ก็เป็นการท่องจำ ส่วนมากแล้วนักเรียนสวดมนต์เป็นภาษาบาลีโดยไม่รู้ความหมาย การอาราธนาศีล การรับศีล แม้ชาวพุทธเองส่วนหนึ่งก็ไม่รู้ความหมาย แต่สามารถท่องได้ จำได้หรือบางทีแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะวุฒิภาวะยังไม่ ถึงที่จะเข้าใจได้ แต่สามารถท่องจำได้



อุทาหรณ์


ขอยกอุทาหรณ์เด็กอายุ 5 ขวบ คนหนึ่งสามารถท่องศีล 5 ได้ถูกต้อง แต่ไม่รู้ความหมายที่ท่อง ถึงแม้จะแปลเป็นภาษาไทยในแต่ละข้อแล้วก็ยังไม่เข้าใจได้ครบทุกข้อ เช่น ศีล ข้อที่ 3 นั้น เด็ก 5 ขวบไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และเชื่อว่าถึงจะมีครูที่เก่งขนาดไหนจะมาอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ต้องรอเวลาให้เขามีวุฒิภาวะ หรือโตพอจะเข้าใจเรื่องเพศ เรื่องกามารมณ์เสียก่อน เพราะเด็กวัยนั้นยังไม่มีวุฒิภาวะเรื่องนี้ แต่พอถึงเวลาที่เขามีวุฒิภาวะแล้ว เขาก็จะเข้าใจและก็ยังจำได้เพราะมีการท่องจำจนคล่องปาก มีการตอบสนองอย่างอัตโนมัติเมื่อมีการรับศีล เขาจะว่าตามได้อย่างถูกต้องและเข้าใจครบทุกข้อ



จากอุทาหรณ์เด็ก 5 ขวบดังกล่าว พอจะอธิบายได้ว่า การเรียนรู้บางเรื่อง บางเนื้อหานั้น ไม่สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างทันทีทันใดได้ การให้ท่องจำไว้ก่อน รอวันที่ผู้เรียนจะพร้อมที่เรียนรู้ได้นั้น ถือว่าเป็นประโยชน์ของการเรียนแบบท่องจำอีกเช่นกัน



สรุป


การท่องจำเป็นการฝึกสมองทำให้สามารถระลึกได้อย่างเร็ว มีการตอบสนองอย่างเป็นอัตโนมัติ การสอนให้ไม่ต้องจดจำเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ผู้ที่เป็นครูของครู หมายถึง คณาจารย์ในคณะศึกษาศาสตร์ หรือ คณะครุศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องเพิ่มการเอาใจใส่ให้นักศึกษาที่จะจบไปป็นครูได้เข้าใจในเรื่องของความจำ ให้ถูกต้อง และสั่งสอนวิธีการที่จะส่งเสริมให้มีกระบวนการสอนที่เสริมสร้างความจำให้กับ นักเรียน “เพราะนักศึกษาที่จบไปเป็นครูหรือครูประจำการในโรงเรียนจำไม่ได้ว่าท่านสอน อะไรไปบ้าง”…



ให้เด็กรุ่นใหม่กลับมาท่องอาขยาน และอ่านนิทานร้อยบรรทัดกันดีกว่า อาจช่วยยกระดับความสามารถในการจำให้กับประชาชนได้ เพราะทุกวันนี้ดูเหมือนว่าประชาชนคนไทยมักไม่ค่อยจะจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และมีทัศนะที่ไม่ชอบจะจดจำเสียด้วย จึงมักได้ยินคำว่า “เจ็บแล้วไม่จำ” อยู่บ่อยๆ

คำสำคัญ (Tags): #บทอาขยานน่ารู้
หมายเลขบันทึก: 626150เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2017 22:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2017 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท