การจัดการความรู้สำหรับการดำรงชีวิต


เพื่อทำให้โลกมีที่สถานภาพที่ดีขึ้น

การจัดการความรู้สำหรับการดำรงชีวิต

เพื่อทำให้โลกมีที่สถานภาพที่ดีขึ้น
               By Joseph  Rubenfeld

ทำไมเราถึงต้องรวบรวมความรู้มาใช้สำหรับปรับปรุงแก้ไขปัญหาของชีวิตและให้เหมาะตามโอกาส             

               KM  ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของโลก  อีกทั้งยังรวมถึงการยึดรวม  การจัดระเบียบและการกระจายความรู้ภายในองกรณ์ KM มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเเละสนับสนุนการเรียนรู้เเละการนำสิ่งใหม่เข้าในองค์กรและเพื่อการเผยแพร่ต่อ
                KM  คือการเสนอที่จะใช้หลักสติปัญญาเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของการทำให้โลกมีสถานภาพที่ดีขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายในการดำรงชีวิต  เราจึงต้องเชิญชวนให้เป็นในแต่ละพื้นที่มีกรลงความเห็นและตัดสินโดยปราศจากประสบการณ์และข้อมูลที่ลึกซึ้งเพื่อที่จะก่อให้เกิดทางเลือกอันชาญฉลาด  และ จากตัวเลือกทั้งหลายเหล่านี้มีผลสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเราและครอบครัว
               

                หลักการของ KM สามารถแนะแนวทางการดำเนินชีวิตของเราให้ดำเนินไปได้อย่างชาญฉลาดในการตัดสินสิ่งที่สำคัญที่เกี่ยวกับแง่ของความสัมพันธ์  การศึกษา อาชีพ ศาสนา ศีลธรรมจรรย์ จริยธรรม สุขภาพและ สิ่งบันเทิง  Through a single  “Portal to Life”  มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในการที่จะรวบรวมความคิดอันชาญฉลาดและประสบการณ์ของกลุ่มชน   จะทำงานอะไรและดำเนินงานนั้นอย่างไร
                การจัดการความรู้  ไม่ใช่จะหมายถึงแต่ระบบคอมพิวเตอร์  ถึงแม้ว่าระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่และที่เติบโตที่จะสนับสนุนKM   KM  นั้นรวมถึงแนวคิดนั้นเป็นที่เกื้อกูลกัน"ชมรมในทางปฏิบัติ"และที่แบ่งปันความรู้ที่กระตุ้นมา ในสิ่งที่ผู้คนสามารถมีการอภิปราย เช่นเดียวกัน,  KM สำหรับชีวิตจะมีคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอภิปราย รวมทั้งการชุมนุมพบปะกัน-การอภิปรายหน้าและคำแนะนำ ในการนั่งประชุม
                ทุกวันนี้ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในประเภทของ ที่ปรึกษา/ผู้แนะนำ/ครู สิ่งนี้รวมถึงผู้แนะนำการแนะแนว, พวกพระ, คนงานเกี่ยวกับสังคม, นักจิตวิทยา, จิตแพทย์, แพทย์, นางพยาบาลและโพรไวเดอร์, นักบัญชี, ทนาย, ครู, ศาสตราจารย์, ผู้ขอคำปรึกษา, researchers, ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขายและการตลาด, ผู้จัดการและผู้ดูแล, รถม้าสี่ล้อขนาดใหญ่, เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับทหารและรัฐบาลจำนวนมากมาย

                 การเพิ่มขึ้นขององค์การจำนวนมากนั้น มีความสำคัญที่บทบาทและคำแนะนำ เหล่านี้รวมถึง Alcoholic  knockoffsที่ไม่มีการเปิดเผย,  AAA และknockoffs  ผู้ลาดตระเวน  ผู้คนในสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวและknockoffs, และอื่นๆจำนวนมากมาย สมาคมผู้จัดการโครงงานได้พัฒนาเอกสารมากมายที่ให้สิทธิ์ เกี่ยวกับจัดการโครงงานของความรู้( PMBOK )สิ่งนี้สามารถถูกใช้เป็นแบบตัวอย่างสำหรับ KM สำหรับการดำรงชีวิต
                  KM สำหรับการดำรงชีวิตของการจัดการความรู้  จะถ่ายทอดออกมาเป็นระยะๆอยู่ในรูปแบบหนังสือกับซึ่งคล้ายกับสารานุกรมรวมทั้งเอกสาร hyperlinked ที่สามารถเข้าถึงจากอินเตอร์เน็ต  ทำให้เราทราบสิ่งที่เราสนใจได้อย่างชัดเจน, มันสามารถถูกจำกัดให้คำอธิบายสรุปหลักการสำคัญ, กับเอกสารอ้างอิงมากมายให้เอกสารอื่นๆและที่เก็บเอกสารเว็บที่แจ้งรายละเอียดและ ตัวอย่าง
อินเตอร์เน็ตเป็นระบบห้องสมุดขนาดใหญ่    มีข้อมูลและคำแนะนำ ข้อมูล"อ้างอิงอย่างโดยทั่วไปเป็นจำนวนมาก"ให้ข้อมูลดิบและการวัดของปริมาณต่างๆขณะที่"คำแนะนำ"รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนหนึ่งกับแผนภูมิหรือข้อสรุป ความรู้, ในเนื้อความนี้อ้างถึงข้อมูลที่มีระดับสูง.
                ความรู้ที่ผ่านมาให้ความเข้าใจหรือความฉลาดที่เข้าใจง่าย, ความรู้รวมถึงวิธีใช้คำแนะนำที่จะใช้แก้ปัญหา มี 3 ระยะในการให้ความรู้ในเนื้อความนี้ ระยะทีที่ต้องเข้าใจกับปัญหาหรือการวินิจฉัยปัญหา สิ่งนี้รวมถึงการรวบรวมคำแนะที่สำคัญที่จะทำการตัดสินใจหรือเสนอข้อคิดเห็นการแก้ปัญหา ระยะ2 ต้องให้การเลือกและที่จำกัดทางที่เป็นไปได้หรือศักยภาพมากขึ้นในการแก้ปัญหา ระยะ3 รวมถึงการแสดงการแก้ปัญหาและการจัดการความก้าวหน้าของเครื่องมือของการแก้ไขปัญหา
                ทั้งหมดของสิ่งนี้เหมาะสมกับสิ่งที่แสดงแต่ละอันในสามระดับที่แตกต่างกัน ระดับที่ 1 คือสำหรับผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตหัวข้อ สิ่งนี้รวมถึงการใช้เทคนิคสมันใหม่ที่ซับซ้อนที่ใกล้ตัวมากขึ้น     ระดับที 2 คือสำหรับผู้ประกอบการงานหรือ ที่ปรึกษา หรือผู้ซึ่งผู้แนะนำใช้เป็นประโยชน์ระบบที่จะแนะนำส่วนอื่นๆ แต่ไม่ได้หมายถึงผู้ที่เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม เขาต้องการมากกว่าการอธิบายที่ลึกซึ้งสู่ผู้ใช้ปลายทาง ผู้ซึ่งมีผลกระทบต่อกัน ระดับที่ 3 ระดับของ  layperson   เขาไม่ได้ต้องการความรู้ถึงการแก้ปัญหาและต้องการอธิบายที่ตรงไปตรงมาในภาษาที่เข้าใจง่ายกับความช่วยเหลือจำนวนมาก.
                กระบวนการตัดสินใจ เป็นกระบวนการที่ต้องให้คำแนะนำอยู่เสมอๆ ดังนั้นจึงได้มีการทำซ้ำ เริ่มตั้งแต่การรวบรวมคำแนะนำต่างๆ และสรุปผล กระบวนการกระทำนั้นเกิดระหว่าง 2 ระยะคือ ย้อนกลับมาทำและไม่ย้อนกลับมา
                ระยะแรกได้จัดปัญหาและการตัดสินใจ สิ่งนี้เป็นการยากที่ต้องมาจับคู่กัน ซึ่งก่อนหน้านี้รู้ประเภทของปัญหา จะมีรายชื่อปัญหาและคำแนะนำต่างๆ  ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับการทดสอบหรือความรู้สึกของคำถามที่สิ่งนั้นจะต้องมีสิ่งตอบรับกลับมา
              

                หมายเหตุเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ : สิ่งหนึ่งของความฉลาดของโปรแกรม, Eliza,จิตแพทย์นั้นได้เลียนแบบซึ่งไม่ใช่ความชำนาญอย่างเช่นการมองเห็น ได้ใช้โปรแกรมมาช่วย โดยใช้คำถาม ถามคนไข้ ซึ่งเล่นคำนั้นบ่อยๆ การทำเช่นนี้อาจผิดกฎหมายโดยเปิดจากผู้ซึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำปฏิกิริยากับระบบ, เพราะว่าเขารู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เครื่องมือ, แม้ว่าคอมพิวเตอร์ไม่มีความสามารถที่จะจัดเตรียมคำแนะนำหรือคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งต่างๆได้


เครื่องมือในการจัดการความรู้

                         มีหลายเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้สำหรับการพัฒนาระบบที่จะสนับสนุนกิจกรรม สิ่งนี้คือ วิศวกรรมความรู้ สิ่งที่ถูกใช้อย่างแผ่หลายเป็นเวลา 20 ปี ถูกพัฒนาระบบโดยชักนำการสัมภาษณ์ที่โครงสร้างกับผู้เชี่ยวชาญในส่วนพื้นที่ เทคโนโลยีที่ 2 สิ่งที่ที่มีให้อย่างโฆษณาสำหรับ 10 ปีที่ผ่านมา คือ การถูกเรียกกรณี การมรเหตุผลพื้นฐาน ในสิ่งที่เก็บอัตโนมัติในอดีต กล่าวคือ นิยาม ปัญหาหรือคำถามนั้นจะถูกตอบอย่างสมบูรณ์จากเทคโนโลยีที่       3         

                           เทคโนโลยีที่ 3 นั้นเป็นการใช้เฟรมกับช่องในสิ่งที่สคริปบรรยายปัญหา ช่องต่างๆนั้นจะชี้เกี่ยวกับคำแนะนำที่ถูกต้องและมีประโยชน์ในการตัดสินใจแก้ปัญหา และช่องอื่นๆก็จะชี้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการวินิจฉัยหรือการตัดสินใจ สิ่งนั่นจะถูกชี้อาศัยคำแนะนำในช่องใส่ความต้องการ เครื่องมืออื่นๆจำนวนมากมายที่มีให้อย่างโฆษณาสำหรับความรู้ตรวจสอบอย่างระมัดระวังและโดยทั่วไปที่แจกจ่ายสิ่งเหล่านี้สามารถประยุกต์ได้โดยทันที    ดังนั้นไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ต้องการถูกพัฒนาแต่จะเป็นประโยชน์สำหรับโปรแกรมใหม่นี้ด้วย


ศูนย์กลางของการจัดการความรู้  

                        การจัดการความรู้ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่มันเกี่ยวกับการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี การคิดที่จะก่อตั้งศูนย์กลางเกี่ยวกับที่ปรึกษาแนะแนวตามที่ต่าง เช่น โรงเรียน สถาบันศาสนา ห้องสมุด หรือ ท้องถิ่นต่าง เป้าหมายหนึ่งเพื่อที่จะเป็นตัวเชื่อม หรือที่เรียกว่า "digital divide" อุปกรณ์ดิจิตอลสามารถช่วยคนที่ต้องการแนวทางหรือที่ปรึกษาเพื่อที่จะง่ายและสะดวกที่จะบรรลุเป้าหมาย                The human organization เกี่ยวข้องกับทุกชนชั้น ในแต่ละขั้นจะประกอบไปด้วยบุคคลที่ความเชี่ยวชาญและคุณภาพดีที่สุด ซึ่งน้อยมาก แต่ละที่จึงจัดให้ที่ปรึกษา องค์กรจะจัดตั้งเป็นนโยบาย                ในขั้นต่ำลงไปจะมีผู้ช่วยฝึกหัด ที่เชี่ยวชาญ ในพื้นที่นั้นภายใต้ สิ่งเหล่านั้นขั้นตอนต่อมาใน โครงสร้างองค์กรนี้ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนซึ่งได้ถูกจ้างงานนั้น จะมีการจัดเตรียมให้เข้าสู่ศูนย์กลางโดยนำร่องและแนะนำวัตถุในระดับถัดไปในระบบ
                     ส่วนระดับต่ำสุดจะเป็นส่วนของผู้อาสา ซึ่งระดับนี้ยังรวมถึงผู้ปฏิบัติงานในส่วนกลางด้วย นี้คือ 2 ระดับสุดท้ายที่จะถูกแนะนำให้คำปรึกษาโดยระบบการเข้าถึงสาธารณะทั่วไปมีการใช้ระบบนี้โดยตรง แต่มีขีดจำกัดในระบบการเข้าถึง    ทฤษฎี คือ บุคคลธรรมดา ผู้ซึ่งไม่ใช่คนชำนาญที่จะสามารถจัดการให้คำปรึกษาอย่างท่องแท้แก่บุคคลซึ่งจำเป็นได้รับการปรึกษานั้น
         

                  ในเบื้องต้น ของระบบพื้นฐานความรู้ ค่อนข้างจะมีไม่มาก ในแง่ของปัญหาเขาจะเป็นผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญแต่สามารถให้คำปรึกษา ตามกรณีที่จำเป็นได้ซึ่งเหมือนอย่างที่ ว่า การฝึกฝนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด          

                   มีหลายๆตัวอย่างในการให้ความช่วยเหลือร่วมมือกันในการแบ่งปันเรื่องความรู้ ทางอินเทอร์เน็ตตัวเอย่างเช่นเมื่อคุณค้นหาหาหนังสือ หรือ ข้อมูล หัวข้ออารายสักอย่าง คุณจะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้

-------------------------------------------------------------------------------------

ทำไมเราไม่หันมาร่วมมือกัน แล้วสะสมค้นหาความรู้ นั้นๆ เพื่อ การพัฒนาให้ชีวิตเราที่มันมีปัญหาและเพื่อโอกาสอันดีของเราเอง?

 ที่มาค่ะ>>>http://campus.acm.org/forums/ubiquity/messageview.cfm ? catid =1& threadid = 140

หมายเลขบันทึก: 62609เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2006 03:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท