เพอร์ซุส (perseus) วีรบุรุษแห่งกรีก ผู้สังหารเมดูซา


เพอร์ซุส วีรบุรุษแห่งกรีกที่แสนโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วอีกท่านหนึ่ง ที่แม้จะไม่ได้มีกำลังเหมือนดั่งเฮอร์คิวลิส แต่ก็เป็นลูกครึ่งเทพเจ้าไม่ต่างกัน แต่พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่แสนแปลกประหลาด ก็คือ เพอร์ซุสเป็นทวดของเฮอร์คิวลิส ซึ่งมีผลทำให้เฮอร์คิวลิสมีพลังอำนาจอันมหาศาล เนื่องด้วยการมีเชื้อจอมเทพมาจากทั้งฝ่ายบิดาและมารดา ผู้คนมากมายจึงขนานนามเพอร์ซุสว่า “เพอร์ซุสผู้สังหารเมดูซา” ซึ่งเมดูซาถือเป็นอสูรร้ายที่น่าเกรงกลัวมาก และมีความสามารถในการสาบคนให้กลายเป็นหินได้ด้วยการสบตา

ตำนานเล่าเรื่องของเพอร์ซุสไว้ว่า เพอร์ซุสเป็นพระโอรสของเทพซีอุสและมนุษย์ธรรมดาที่มีชื่อว่า “ดาเนีย” ซึ่งที่มาของการรู้จักกันของเทพและคนธรรมดาคู่นี้เกิดมาจากตอนที่ท้าวอะคริสิอัสผู้เป็นกษัตริย์แห่งเมืองอาร์กอสและเป็นพระราชบิดาของเจ้าหญิงดาเนีย ได้เข้ารับคำทำนายโดยนักบวชแห่งวิหารเดลฟีว่า “เจ้าจะต้องตายด้วยบุตรชายแห่งธิดาเจ้า” ซึ่งจากที่ได้ฟังคำทำนายเช่นนั้น ท้าวอะคริสิอัสก็เกิดความกลัวมาโดยตลอดว่าวันใดวันหนึ่งพระองค์อาจจะต้องตายตามที่เคยถูกทำนานไว้แน่ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงพยายามป้องกันไม่ให้เจ้าหญิงดาเนียได้แต่งงานกับใคร โดยการกักขังตัวเจ้าหญิงเอาไว้บนหอคอยสูง เพื่อเจ้าหญิงจะไก้ไม่มีโอกาสไปสร้างความสัมพันธ์กับชายคนไหนจนเกิดเป็นลูกออกมา แต่พระองค์ก็ไม่สามารถฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ เมื่อเทพซีอุสเกิดตกหลุมรักเจ้าหญิงดาเนียเข้า และลงมาร่วมภิรมย์สุขสมจนเจ้าหญิงตั้งครรภ์ในที่สุด และเจ้าหญิงก็ได้ให้กำเนิดเป็นพระโอรสออกมา

เมื่อท้าวอะคริสิอัสทราบความดังนั้น ก็สั่งให้จับเจ้าหญิงดาเนียและพระโอรสใสหีบ แล้วนำไปลอยทิ้งทะเล แต่บังเอิญที่หีบใบนี้ได้ขึ้นไปเกยตื้นที่เกาะเซอริฟัส ทำให้เจ้าหญิงและพระโอรสได้รับความช่วยเหลือจากดิคทิส ผู้เป็นหัวหน้าชาวประมงแถบนั้น และเป็นพระเชษฐาแห่งกษัตริย์โพลิเดคทิส ดิคทิสตัดสินใจมอบตัวเจ้าหญิงและพระโอรสให้ท้าวโพลิเดคทิสช่วยอุปถัมภ์ จนในที่สุด พระโอรสก็เติบใหญ่ขึ้นเป็นหนุ่มรูปงาม ที่มีชื่อว่า “เพอร์ซุส” ตลอดเวลา ท้าวโพลิเดคทิสแอบหลงรักในตัวของเจ้าหญิงดาเนียมานานแสนนาน แต่มีถูกเพอร์ซุสคอยขัดขวางเสมอ พระองค์จึงคิดจะกำจัดเพอร์ซุส จึงรับสั่งให้เพอร์ซุสไปตัดหัวของเมดูซามาให้จงได้ ซึ่งเพอร์ซุสก็ยิมยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี

เพอร์ซุสเดินทางออกไปทางทิศตะวันตก ตามคำบอกเล่าของท้าวโพลิเดคทิสที่บอกไว้ว่า ปีศาจร้ายเมดูซาอยู่บริเวณสุดขอบโลกทางทิศตะวันตก แต่เมื่อเพอร์ซุสเดินทางไปยังทิศตะวันตกไม่ทันไร ก็พบว่ามีทะเลมาขว้างกั้น แต่สวรรค์ก็ช่วยเหลือ เพราะเทพซีอุสผู้เป็นบิดาได้สั่งให้เทพฮาเดส เทพีอธีน่า และเทพเฮอร์เมส ลงไปช่วยเหลือเพอร์ซุสให้ทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จให้ได้ เทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์จึงได้ประทานของวิเศษพระองค์ละชิ้นให้แก่เพอร์ซุส ดังต่อไปนี้ เทพฮาเดสประทานหมวกนักรบที่ประดับด้วยขนนกเป็นพู่สวยงาม เทพีอธีน่าประทานโล่ไว้เป็นเกาะกำบัง และเทพเฮอร์เมสประทานเกือกติดปีกไว้สำหรับเหาะเดินทาง

จากนั้นเพอร์ซุสก็ได้ถามเทพเจ้าทั้ง 3 ไปว่าปีศาจเมดูซาอยู่ที่แห่งหนไหน ซึ่งเทพีอธีน่าได้ตอบไปว่า “พวกเราเหล่าทวยเทพไม่รู้หรอกว่าเทพีอธีน่าอยู่ที่ใด มีเพียงกลุ่มเทพีกราเอีย 3 พี่น้องเท่านั้นที่รู้ว่าปีศาจตัวนี้อยู่ที่ไหน” เพอร์ซุสจึงถามต่อไปว่า “แล้วพระองค์และเทพี 3 พี่น้องกราเอียอยู่ที่ไหนล่ะ” และได้รับคำตอบกลับมาว่า “เจ้าจงใช้เกือกติดปีกที่ข้าให้ไป เหาะไปยังเกาะกลางทะเลแล้วเจ้าจะพบกับพี่น้องเทพีกราเอียเอง” เทพเฮอร์เมสกล่าว ส่วนเทพฮาเดสก็กล่าวอวยพรสั้นๆว่า “ขอให้เจ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ”

เพอร์ซุสจึงกล่าวลาและกล่าวขอบคุณเทพเจ้าทั้งสามที่ช่วยเหลือ จากนั้นเพอร์ซุสก็ใช้เกือกติดปีกของเทพเฮอร์เมสบินมาจนมาพบกับเกาะที่อยู่ของเทพีกราเอีย 3 พี่น้อง เพอร์ซุสได้พบกับเทพีผู้แสนน่าสงสารที่ตาบอดเกือบทุกพระองค์ และหลงเหลือเพียงดวงตาดวงเดียวที่ใช้ร่วมกันเท่านั้น เพอร์ซุสได้ขโมยดวงตาแห่งเทพีกราเอียมา เพื่อหวังที่จะหลอกถามถึงที่อยู่ของปีศาจเมดูซา ทำให้เหล่าเทพีต้องยอมบอกทางเพื่อแลกกับการได้ดวงตาคืนมา เพอร์ซุสจึงสามารถเดินทางไปจนถึงเกาะอันเป็นที่อยู่ของเมดูซาได้สำเร็จ

ที่เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยรูปแกะหินเหมือนรูปคนจริง ที่อยู่ในท่าทางต่างๆ ซึ่งล้วนมองดูน่ากลัวและน่าสงสารเป็นอย่างมาก หินทุกก้อนล้วนเคยเป็นมนุษย์ที่มีลมหายใจทั้งสิ้น แต่ต้องมาถูกปีศาจเมดูซาสาบให้แข็งกลายเป็นหินเช่นนี้ จากนั้น เพอร์ซุสก็ลอบเข้าไปยังปราสาทของเมดูซา แต่เพอร์ซุสก็ไม่กล้ามองตาเมดูซาตรงๆ เพราะกลัวว่าจะถูกสาบกลายเป็นหิน ดังนั้น เขาจึงพยายามดูเงาที่สะท้อนมาจากโล่แทน เมื่อเขาพบกับเมดูซา เพอร์ซุสก็ได้เด็ดหัวมันมาจนได้ และได้นำเอาหัวเมดูซ่าเหาะกลับมาสู่เกาะเซอริฟัส แต่บางตำนานก็กล่าวไว้ว่า หลังจากที่เพอร์ซุสตัดหัวเมดูซาได้แล้ว ก็ได้พบกับม้ามีปีก ที่มีชื่อว่า “ปีกาซัส” โดยบังเอิญ ซึ่งสิ่งมหัศจรรย์นี้ล่องลอยออกมาจากคอของเมดูซานั่นเอง ซึ่งถือเป็นบุตรที่เมดูซาตั้งครรภ์เอาไว้ในครั้งที่มีความสัมพันธ์กับเทพโพไซดอนตั้งแต่ตอนที่เมดูซายังเป็นนางพรายงดงามก่อนที่จะถูกสาปให้เป็นปีศาจร้ายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ระหว่างทางกลับ เพอร์ซุสถูกพายุพัดจนเข้ามาถึงอุทยานสวรรค์แห่งเทพเจ้าที่มีเทพแอตลาสคอยแบกสวรรค์เอาไว้ เพอร์ซุสหวังจะมาพักผ่อนหลังจากที่ความเหน็ดเหนื่อยกับการต่อสู้กับเมดูซ่า แต่เพอร์ซุสก็กลับถูกเทพแอตลาสขับไล่ ทำให้เพอร์ซุสเกิดความโมโหและชูศีรษะของเมดูซาให้เทพแอตลาสดู เมื่อเทพแอตลาสสบตากับหัวเมดูซาก็ถูกสาบกลายเป็นหินไป จนเป็นที่มาภูเขาแอตลาสที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกานั่นเอง

เพอร์ซุสเดินทางต่อจนผ่านทะเลทรายซาฮาร่า และบังเอิญทำเลือดจากศีรษะของเมดูซาหยดไหลลงไปตามทาง ซึ่งเลือดหยดนั้นก็บังเกิดมาเป็นงูพิษที่อาศัยในทะเลทรายในเวลาต่อมา

เพอร์ซุสเดินทางต่อไปจนถึงกรุงเอธิโอเปีย ซึ่งปกครองโดยท้าวเซฟฟิฟัส ที่นี่ทำให้เขาต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้าอย่างมาก เมื่อมีสาวงามถูกตรึงเอาไว้กับโขดหินโดยมีสัตว์ประหลาดจากท้องทะเลเข้ามารุมพร้อมจะกินนาง ด้วยเหตุนี้ เพอร์ซุสจึงตัดสินใจฆ่าสัตว์ประหลาด เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือหญิงสาวผู้นั้น ในภายหลัง เพอร์ซุสจึงได้ทราบความจริงว่า หญิงสาวผู้นี้ก็คือ เจ้าหญิงอันโดเมดร้า ผู้เป็นพระธิดาแห่งท้าวเซฟฟิฟัส ท้าวเซฟฟิฟัสกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงต้องมาตกเป็นอาหารของปีศาจร้ายว่า

“เพราะพระมเหสีคัสสิโอเปีย เคยกล่าวดูหมิ่นเหล่านางพรายนีเรียดส์ทั้ง50นาง ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ เทพีอัมฟิตริตีผู้เป็นราชินีแห่งเทพโพไซดอน เมื่อพระองค์พิโรธ จึงได้ลงโทษโดยการส่งสัตว์ร้ายจากท้องทะเลขึ้นมาอาละวาดจับชาวบ้านกิน ทำให้จำเป็นต้องส่งสาวพรหมจรรย์มาสังเวยให้แก่มันในทุกปี และครั้งนี้ก็ถึงคราวของเจ้าหญิงอันโดรเมดร้าคนนี้แล้วล่ะท่าน”

ท้าวเซฟฟิฟัสพอพระทัยเป็นอย่างมากที่เพอร์ซุสได้ช่วยชีวิตของพระธิดาเอาไว้ จึงเต็มใจที่จะยกพระธิดาให้เป็นพระชายา เพอร์ซุสจึงได้อภิเษกกับเจ้าหญิงอันโดรเมดร้า และพาเจ้าหญิงกลับบ้านเมืองของพระองค์ หลังจากที่กลับไปถึงเกาะเซอริฟัส เพอร์ซุสตั้งใจจะนำเอาหัวของเมดูซาไปถวาย แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่า พระมารดาของเจ้าหญิงดาเนียหนีได้หนีมาอยู่ที่บ้านของดิกทิส เนื่องจากถูกท้าวโพรเดคทิสลวนลาม เพอร์ซุสนึกแค้นเป็นอย่างมาก จึงได้เข้าเฝ้าและมอบหัวเมดูซาให้แก่ท้าวโพรเดคทิส โดยเพอร์ซุสได้ชูหัวเมดูซาให้หันหน้าไปทางพระองค์ ทำให้พระองค์เผลอสบตาเมดูซาเข้าอย่างจัง และกลายเป็นหินไปในทันที หลังจากนั้น เพอร์ซุสก็ยกเมืองแห่งนี้ให้ดิกทิสเป็นกษัตริย์ปกครองต่อไป ส่วนหัวของเมดูซาก็ได้นำมาประดับไว้ในโล่ของเทพีอธีน่า

หลังจากนั้น เพอร์ซุสก็ได้พาพระมารดาและเจ้าหญิงอันโดรเมดร้ากลับสู่เมืองอาร์กอส เพื่อหวังจะกลับไปเยี่ยมเสด็จตา และคาดว่าเสด็จตาจะไม่กลัวในคำทำนายอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเมื่อท้าวอะคริสิอัสได้ทราบข่าวเท่านั้น ก็ได้ทรงหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองลาริสซา ซึ่งเป็นเมืองของพระสหายเก่า เพอร์ซุสก็ได้ออกตามหาเสด็จตา จนเดินทางมาถึงเมืองลาริสซา

ที่เมืองลาริสซาในขณะนั้นกำลังมีการจัดงานกีฬารื่นเริง เพอร์ซุสจึงได้ลงแข่งขันในก๊ฬาขว้างจานเหล็ก (ควอยต์) ด้วย ซึ่งในขณะที่แข่งอยู่ เพอร์ซุสขว้างจานเหล็กแรงเกินไป จนไปถูกชายชราคนหนึ่งเสียชีวิตแบบไม่ตั้งใจ เมื่อเจ้าหญิงดาเนียมาถึงก็ทราบว่าชายชราคนนั้น คือ ท้าวอะคริสิคัส ซึ่งตรงกับคำทำนายที่เคยว่าไว้ทุกประการว่าพระองค์จะต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลาน

ต่อมาเพอร์ซุสก็ได้ขึ้นครองเมืองอาร์กอส แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนักเพราะคิดว่าตนคือผู้ที่สังหารเสด็จตา และแย่งบัลลังก์มา พระองค์จึงตัดสินใจเดินทางออกไปสร้างเมืองใหม่ ที่มีชื่อว่า “ไมซีนี” และปกครองเมืองนี้ร่วมกับพระราชินีอันโดรเมดร้าอย่างมีความสุขเสมอมา

หมายเลขบันทึก: 626049เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2017 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม 2017 10:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท