มะเร็งปอดเป็นโรคที่พบได้มากในประเทศไทย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของทั้งเพศชายและเพศหญิงระยะของมะเร็งปอด ระยะของมะเร็งกำหนดจากตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง การแพร่กระจายของมะเร็ง และการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะร่างกาย ระยะของมะเร็งมีความสำคัญต่อการรักษา เพราะจะช่วยให้แพทย์หาวิธีการรักษาที่เหมาะสม ส่งผลต่อการหายของโรคหรือการมีชีวิตที่ยืนยาวหรือดำรงชีวิตได้ดีขึ้น
ระยะจำกัดของขนาดมะเร็ง (limited stage) เป็นระยะที่มะเร็งจะอยู่ในบริเวณปอดเท่านั้น
ระยะการแพร่กระจาย (extensive stage) เป็นระยะที่มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ระยะที่ 1 พบมะเร็งเฉพาะที่บริเวณปอดเท่านั้น ไม่พบในต่อมน้ำเหลือง และยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ระยะที่ 2
- ระยะที่ 2A คือ มะเร็งมีขนาดเล็กและพบแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
- ระยะที่ 2B คือ มะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้ว ปอด หรือ เซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น เช่น ที่ผนังทรวงอก
ระยะที่ 3
- ระยะที่ 3A คือ เซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นที่ห่างจากปอด หรือ พบมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองรอบๆ ปอด และเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังผนังทรวงอกหรือบริเวณกลางช่องอก
- ระยะที่ 3B คือ เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองอีกด้านของช่องอกหรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า หรือ มีเนื้องอกมากกว่า 1 ก้อนในปอด หรือ เนื้องอกเจริญเติบโตในอีกด้านของช่องอก เช่น หัวใจ หลอดอาหาร หรือ มีของเหลวที่มีเซลล์มะเร็งอยู่รอบๆ ปอด
ระยะที่ 4 คือ มะเร็งได้กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ตับ กระดูก สมอง
อาการของโรคมะเร็งปอด
บทบาทของนักกิจกรรมบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ได้รับเคมีบำบัด
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับยาเคมีบำบัดนั้นผลการรักษามักจะดีกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งปอดในระยะเเรกๆ ซึ่งการรักษาด้วยยาเคมีบบำบัดจะเกิดอาการข้างเคียงต่างๆต่อร่างกาย ความรุนเเรงของอาการในเเต่ละคนจะมีความเเตกต่างกัน รวมไปถึงสามารถกระทบต่ออารมณ์เเละจิตใจของผู้ป่วยด้วย ซึ่งบทบาทของนักกิจกรรมบำบัดในผู้ป่วย คือ
1.การรักษาสุขภาพจิตใจของผู้ป่วย เพราะการที่ผู้ป่วยเพิ่งได้เริ่มรู้ตัวว่าตนเองเป็นมะเร็งนั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรับสิ่งที่ตนเองเป็นไม่ได้ เเละสิ่งที่จะเกิดตามมาคือการวิตกกังวล เมื่อเกิดการวิตกกังวลทำให้ผู่ป่วยมีการเปลี่ยนเเปลงเพื่อตอบสนองกับความวิตกกังวลที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายเเละจิตใจ นักกิจกรรมบำบัดควรให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจในโรคที่ตนเองเป็น เเละตระหนักถึงผลที่จะเกิดขึ้น ให้ผู้ป่วยยอบรับใสนสตัวเอง คือ ให้ผู้ป่วยปลดปล่อยตัวเองให้ได้ มองปัญหาทั้งหมดตามสภาพที่เป็นจริง
2.การให้ผู้ป่วยเข้าใจในการเปลี่ยนเเปลงที่จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด คือนักกิจกรรมบำบัดจะให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการรักด้วยยาเคมีบำบัดนั้นจะทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไร เเละร่างกายจะเปลี่ยนเเปลงไปอย่างไรบ้าง โดยนักกิจกรรมบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับผลข้างเคียงเหล่านั้นให้ได้ เเละเเนะนำวิธีการเตรียมพร้อมในการอดทนกับความเจ็บปวดทางร่างกายที่จะเกิดขึ้น
3.การรักษาไว้ซึ่งความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆของผู้ป่วย คือ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดทราบว่าผู้ป่วยมีความต้องการเเละสามารถที่จะทำอะไรได้บ้างเพื่อดูเเลตนเองในชีวิตประจำวัน นักกิจกรรมบำบัดสังเกตเเละประเมิณความสามารถในการทำกิตจวัตรประจำวัน เเละทำการวางเเผนร่วมกับผู้ป่วย เพื่อวางเป้าหมายในการทำกิจกรรมนั้นๆ พร้อมกับให้คำเเนะนำในการปรับสภาพเเวดล้อมในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น
4.การสร้างสิ่งเเวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้พัฒนาความสามารถในการดูเเละตนเอง ในการวางเป้าหมายที่เหมาะสม เเละสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวเเละสังคมรอบข้าง คือนักกิจกรรมบำบัดควรเเนะนำวิธีการสร้างเเรงจูงใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพทางด้านจิตใจที่ดีกับครอบครัว เเละสังคมรอบข้าง เช่น การสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ป่วย การพูดกับผู้ป่วยด้วยถ้อยคำที่มีความหมายเป็นบวก เพราะเมื่อผู้ป่วยได้รับพลังบวก ก็ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกที่ดี เเละอยากมีชีวิตต่อไปเพื่อตัวเองเเละคนรอบข้าง
อ้างอิงจาก
ไม่มีความเห็น