(71)
วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม
เช้าวันนี้อากาศเย็นสบาย อยู่ที่วัดไม่ต้องมีแอร์ หลับนอนภายใต้ร่มเงาเย็นของต้นไม้ใหญ่ การใช้ผ้าฝ้ายนุ่งห่มและคลุมตัวนอนก็ทำให้เย็นสบาย น่าจะเป็นลักษณะพิเศษของผ้าฝ้ายเวลาอากาศร้อนจะเย็นสบายและเวลาอากาศหนาวจะอุ่นตัว
ช่วงทำอาหารถวายพระจัดการของนึ่งต่างๆ เรียบร้อยก็มาทดลองทำคุ้กกี้สูตรใหม่เพิ่มกล้วยหอมและนมข้าวโพดอร่อย แต่คุ้กกี้ไม่กรอบมาก จะกรอบเพียงรอบผิวนอก ส่วนด้านในจะนุ่ม รสชาติไม่หวานมากเพราะใส่น้ำผึ้งอย่างเดียว ทานเพียงสองชิ้นก็อิ่ม
เด็กๆ ที่อยู่ในความอุปการะก็ยังคงมาทำหน้าที่สม่ำเสมอ เด็กชายแฝดสองพี่น้องที่มีหน้าที่อุปฐากรับใช้หลวงปู่ช่วยพระอาจารย์และพี่บอยพี่ทุ่งก็ยังคงมาวัดเป็นปกติ แม้ว่าหลวงปู่จะไม่อยู่แต่ก็ยังคงมาบ่มเพาะหัวใจศีลธรรมกันเช่นเดิม
ส่วนเด็กหญิงคือน้องเมย์น้องนิก็เติบโตขึ้นทุกวัน นั่งมองเด็กๆ เหล่านี้ที่ผ่านสิ่งฉุดรั้งมาได้บ้างก็เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองสนับสนุนและเกื้อกูลให้มาร่วมสร้างบารมีกับองค์หลวงปู่ มีโอกาสและรักษาโอกาส
ใจร่มๆ พิจารณาเรื่องมากระทบ คำครหาของผู้คนก็ยังมีมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ใจจึงหยิบเรื่องนี้พิจารณาเกิดการสะท้อนคิดกับตนเองว่า "เอ้า...ใช้หนี้เขาให้หมด คนเขาว่าให้เรา เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ก็ช่างเขาเถอะ เขาสะดวกที่จะว่าให้เราก็ให้เขาว่า ไม่ต้องไปแก้ต่างอะไร หรืออธิบายใครๆ ก็ได้ ทุกอย่างมันมีสัจจะหรือความจริงอยู่ในตัวมันอยู่แล้ว ใครพิจารณาไม่ได้ก็เป็นกรรมของเขาเอง..." เมื่อในใจสรุปกับตนเองได้เช่นนี้ ใจก็เบาโล่งโปร่งสบาย ใจก็วางลงได้อย่างร่มๆ ตั้งใจทำหน้าที่และภารกิจในชีวิตกของตนเองไปตราบเท่าที่ยังลมหายใจ มีชีวิตอยู่
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในตนเองวันนี้คือ โลกภายในพยายามเคลื่อนสู่ความสมดุล อาศัยทาน-ศีลเกื้อหนุนให้เกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาความสว่างแจ้งก็จะปรากฏในใจเรา นี่คือตัวรู้ที่ตกผลึกในตนเอง
ไม่มีความเห็น