โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนใกล้ชิด เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก หากเป็นไข้หวัดตัวร้อนธรรมดาก็ไม่ส่งผลมากกินยาแก้หวัดก็หายได้ แต่หากเป็นโรคร้ายก็ตองรักษากันขนานใหญ่อาจส่งผลทั้งต่อตัวเองและคนรอบตัวเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่จะมีโรคภัยไข้เจ็บ แต่ระบบเศรษฐกิจของเราหรือระบบการเงินนั้นก็มีโรคร้ายเหมือนกัน ซึ่งการที่จะรักษาโรคร้ายทางการเงินของระบบเศรษฐกิจนั้นมีวิธีรักษาหลายอย่างแต่ยาแรงที่สุดที่จะนำมาแก้ไขนั้น ก็ คือ " มาตรการผ่อนคลายเชิงเศรษฐกิจ " หรือเรียกสั้นๆว่า มาตรการ QE นั้นเอง
" QE มาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน ย่อมาจากคำว่า Quantitative Easing เป็นนโยบายด้านการเงินที่ไม่เป็นแบบแผน ที่ดำเนินการโดยธนาคารกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเมื่อเกิดเหตุการณ์ในกรณีที่นโยบายทางการเงินที่เป็นแบบแผนตามปกตินั้นเริ่มไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถขับเคลื่อนในระบบเศรษฐกิจได้ โดยการเข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ฯลฯ " ปัจจุบันมาตรการนี้ถือเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นอย่างมาก โดยประเทศแรกที่นำมตรการนี้มาใช้คือประเทศญี่ปุ่น แต่วันนี้เราจะนำเสนอวิธีการใช้มาตรการ QE ของประเทศสวีเดนกันเลย
ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ธนาคารกลางของสวีเดน ( RiksBank ) ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ได้มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นครั้งแรก ให้เหลือร้อยละ -0.1 หลังจากประสบปัญหาความผันผวนทางการเงินโดยการตัดสินใจนี้ เกิดขึ้นภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นาว่าด้วยการหยุดยิงระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และการตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจในกรีซ โดยสวีเดนเป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่เข้าร่วมต่อสู้กับสงครามการเงินในขณะนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางเดนมาร์กประกาศลดอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสวีเดนพยายามไม่ให้ประเทศตกอยู่ในภาวะเงินฝืด โดยปัจจุบัน ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสวีเดนขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น และประเทศมีหนี้สินกว่าร้อยละ 81 ของจีดีพี ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในโลก โดยธนาคารกลางยืนยันว่า มาตรการนี้ประกาศขึ้น เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ และภาคการส่งออก
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยนั้น เกิดใน พ.ศ. 2557 ซึ่งมาจากที่อัตราเงินเฟ้อในช่วงนั้น ปรับลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2 ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ของสวีเดนในช่วงนั้น แต่ในทางกลับกันค่าเงินบาทของไทยแข็งกว่าค่าเงินโครนของสวีเดนมากเป็นผลให้ทางด้านการส่งออกของไทยไปยังสวีเดนนั้นลดลง
อย่างที่ได้ทราบมาแล้วว่าการใช้มาตราการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเป็นทางออกสุดท้ายในการทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหนึ่ง ในระยะแรกเศรษฐกิจก็อาจจะดีขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดหวังไว่แต่หากมีการใช้อย่างต่อเนื่องเมื่อประสบปัญหามาตรการนี้อาจจะไม่ส่งผลดีอย่างที่เป็นตอนแรก เนื่องด้วยว่าเสรษฐกิจที่ฝืดตัวนั้นอาจจะไม่ได้มาจากสภาวะเศรษฐกิจภายใประเทศเพียงอย่างเดียวอาจจะมีผลมาจากเศรษฐกิจโลกในช่วงนั้นด้วย ซึ่งมาตรการ QE ไม่สามารถที่จะแก้ไขสถานณการณ์อะไรได้มากนัก ตัวอย่าง เช่นมหาอำนาจทางการเงินแห่วหนึ่งของประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่ง ใช้มาตรการนี้หลายระยะมากจนเศรษฐกิจนั้นดื้อยาไปแล้ว
แหล่งที่มา
ไม่มีความเห็น