การแต่งวสันตดิลก ฉันท์ ๑๔
๑. ความหมายของวสันตดิลก ฉันท์ ๑๔
วสันตดิลกฉันท์ มีความหมายว่า “ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ” มีทำนองลีลาไพเราะสละสลวย เหมาะสำหรับเนื้อหาในเชิงพรรณนาความงดงามของสิ่งต่างๆ เช่น ชมบารมีพระมหากษัตริย์ ชมบ้านเมือง พระบรมมหาราชวัง วัดวาอาราม ชมธรรมชาติ ชมความงามของอิสตรี
๒. ลักษณะบังคับของครุและลหุ
ครุ คือ พยางค์ที่มีเสียงหนักหรือยาว มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
๑) ประสมกับสระเสียงยาวในมาตรา ก กา เช่น ลา อา ปู โต
๒) มีเสียงพยางค์หรือตัวสะกด เช่น กัน จันท์ เวร รัตน์
ครุ ใช้สัญลักษณ์คือ
ลหุ คือ พยางค์ที่มีเสียงเบาหรือสั้น มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
๑) ประสมกับสระเสียงสั้นในมาตรา ก กา เช่น จะ ละ เพราะ เอ๊ะ
๒) ยกเว้น บ, บ่, ก็ เป็นคำลหุได้
ลหุ ใช้สัญลักษณ์คือ
อนุโลม คำที่ผสมกับสระเกินอนุโลมให้เป็นลหุได้ เช่น ลำ – เนา แต่ไม่ควรใช้บ่อยหรือถ้าเคร่งครัดก็ไม่ควรใช้
๓. ลักษณะบังคับของวสันตดิลก ฉันท์ ๑๔
บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค โดยวรรคแรกมี ๘ อักษร เป็นครุและลหุอย่างละ ๔ อักษร ส่วนวรรคหลังมี ๖ อักษร เป็นครุและลหุอย่างละ ๓ อักษร รวมบาทหนึ่งเป็น ๑๔ อักษร ประกอบด้วย ครุและลหุ อย่างละ ๗ อักษร
ตัวอย่างคำประพันธ์
๏ สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาศศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจัตุรมุข พิศสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมกนกไพ- ฑุรย์พร่างพะแพรวพราย
(สามัคคีเภทคำฉันท์ : ชิต บุรทัต)
ไม่มีความเห็น