จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่อยู่ทางด้านตะวันออกสุดของภาคอีสานตอนล่าง ครอบคุมแม่น้ำสายสำคัญหลายสายมี แม่น้ำชี แม่น้ำมูล แม่น้ำโขงและอีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็กๆที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่ เช่น ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ เป็นต้น ที่อุดมสมบูรณ์ทำให้ชาวอุบลมีการดำเนินชีวิตอยู่อย่างชนบทแบบในน้ำมีปลาในนามีข้าวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังคำขวัญที่ว่า
จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่ท้าวคำผงหรือพระประทุมสุรราชภักดีซึ่งเป็นหลานของพระวรกับพระตาเป็นผู้ก่อตั้ง ท้าวคำผงท่านเป็นคนลาวเวียงจันทร์จะเห็นได้ว่าจังหวัดอุบลชองเราถ้าเขาจะเรียกว่าลาวก็คงไม่ผิดเพราะต้นกำเนิดที่มาก่อตั้งจังหวัดของเราเป็นคนลาว และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๓๕ อุบลราชธานีศรีวนาลัยได้ตั้งแต่งเป็นจังหวัดในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในปัจจุบัน จังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 219 ตำบล 2469 หมู่บ้าน
จากหลักฐานพบว่าผู้คนที่อยู่อาศัยในเขตจังหวัดอุบลราชธานีจะพบเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ทำจากหินและมีวิวัฒนาการมาใช่เครื่องปันดินเผา โละหะและทำเครื่องประดับด้วยหินและแก้ว รวมไปถึงการสร้างศิลปะกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆที่ผสมกลมกลืนในระหว่างประเทศเพื่อนบ้านคือลาวและเขมรเป็นต้น
ภาพพระพุทธรูปในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๕
จังหวัดอุบลราชธานีมีผ้าลายกาบบัวเป็นเอกลักษณ์ของผ้าลายพื้นเมือง ที่ได้รับการกล่าวขานถึง จากครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันของชาวอุบลราชธานีคือ ผ้ากาบบัว เป็นผ้าที่มีความสวยงามและปราณีตจนได้รับคำยกย่อจากนายหลวง ร.๕ จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่จะกล่าวถึงตำนาน และความภาคภูมิใจของชาวอุบลราชธานีมาจนถึงวันนี้วันนี้และจังหวัดอุบลราชธานียังมีการทำผ้าขาวม้า ผ้าใหมลายอื่นอีกด้วยที่เป็นเอกลักษณ์ของคนอีสานเพราะคนโบราณจะนุ่งซิน นุ่งผ้าขาวม้า ผ้าสโรง
ภาพที่ ร.๕ เขียนชมความงามผ้าเมืองอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานีมีเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นเพื่อความบันเทิงหรือเล่นประกอบการแสดงพื้นเมืองตามท้องถิ่นต่างๆเป็นการสร้างบทเพลง การขับร้อง การเล่นดนตรีของผู้คนในท้องถิ่น เกิดขึ้นจากการที่คนเราสามารถรับรู้ และได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นต่าง ๆ จากธรรมชาติ เช่น เสียงลมพัด เสียงฟ้าร้อง เสียงร้องของสัตว์ต่าง ๆ บรรพชนชาวอุบลราชธานี มีการแสดงพื้นบ้านอยู่ 3 ลักษณะ คือ ดนตรี การขับร้อง ฟ้อนรำ และการแสดงโดยใช้หุ่น สำหรับดนตรีในอดีตมีทั้งการบรรเลงล้วนๆ และการบรรเลงประกอบการร้องและการฟ้อนรำ เครื่องดนตรีทั้งหลาย แคน นับว่าได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแคนต้องใช้ประกอบการรำต่างๆ อุบลราชธานีจึงได้ชื่อว่าเป็นถิ่น "ดอกคูณเสียงแคน" ดังนั้นจังหวัดอุบลจึงมีศิลปินแห่งชาติทางด้านหมอลำหลายท่านเช่น
๑. หมอลำเคน ดาเหลา ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2534
๒. หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (หมอลำ) พ.ศ. 2536
๓. หมอลำบุญเพ็ง ใฝผิวชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (หมอลำ) พ.ศ. 2540
๔. หมอลำ ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (หมอลำ) พ.ศ. 2548
๕. หมอลำบานเย็น รากแก่น ได้รับการขนานนามว่า "ราชินีหมอลำ" ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง(หมอลำ)พ.ศ. 2556
และจังหวัดอุบลราชธานียังมีศิลปินทางด้านศิลปะพิ้นบ้านอีมากมายและลูกหลานเมืองอุบลหลายคนก็ได้เป็นนักร้องศิลปินก็มากมายเช่นกัน มี ต่าย อรทัย ดอดอ้อ ทุ่งทอง เป็นต้น
จากหลักฐานต่างที่เห็นในโซนสุดท้ายจะเห็นได้ว่าการปกครองและการสร้างสถานที่สำคัญต่างจะเป็นแบบที่รับวัฒนธรรมมาจากพุทธศาสนาทั้งนั้นทำให้จังหวัดอุบลราชธานีของเราจึงมีโบราณสถานและอุปกรณ์เครื่องใช่ต่างๆประณีตสวยงาม
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/619459
ไม่มีความเห็น