ครูเอ๋ยครูปฐมวัย


ครูเอ๋ยครูปฐมวัย


ครู

ครูคือผู้คอยให้กำลังใจแก่ศิษย์และคอยสนับสนุนในสิ่งที่ลูกศิษย์ถนัด กว่าจะเป็นครูได้นั้นต้องมีใจรักจริงในสาขาการสอนแต่ก็ ใช่ว่าจะสอนไปวันๆ ให้จบๆไป ยังเป็นการให้อะไรหลายๆอย่างแก่ลูกศิษย์ ทั้งประสบการณ์การเรียนรู้ ประสบการณ์ชีวิต คอยให้แรงเสริมทำให้ เขามีชีวิตที่พร้อมต่อการรับมือกับสิ่งต่างๆบนโลกเบี้ยวๆและความไม่แน่นอนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ศิษย์ดีเพราะมีครูที่ดีก็มีอยู่ให้เห็นมากมาย หัวใจของความเป็นครูอยู่ที่ “ความสุข” ความสุขที่เกิดจากความชอบ ความสุขจากการทำงาน ความสุขที่เกิดจากการที่นักเรียนกับครูทำงานร่วมกัน ความสุขจากการสั่งสอนนักเรียนและได้เห็นรอยยิ้ม, เสียงหัวเราะของพวกเขา ความสุขจากการเป็นผู้รับฟังเพราะขอแค่เรารับฟังปัญหาของเขา เพราะเด็กทุกคนย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกัน เมื่อรู้ว่าเขามีปัญหาอะไร ก็หาวิธีแก้ปัญหา, ให้คำแนะนำ, ปลอบใจและสุดท้ายคือการสร้างเสียงหัวเราะ,รอยยิ้มให้กับพวกเขา

ในส่วนของ ครูปฐมวัยจะรับผิดชอบดูแลและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมพัฒนาการในเด็กตั้งแต่ช่วงอายุ 3-6ปี ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก เด็กไม่ต้องการอะไรจากครู นอกจากความรักที่ผ่านการกระทำการโอบกอด การชมเชย การเห็นอกเห็นใจ ของครูไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นทางบวกหรือทางลบ เด็กจะได้รับการซึมซับอยู่ในใจตลอดเวลาและจะส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดในวัยที่โตขึ้น

ที่ผ่านมาหลายคนหลายฝ่ายล้วนมีแนวคิดที่ค่อนข้างตรงกันว่าครูอนุบาล นับเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับเด็ก เด็กก็เหมือนต้นกล้าที่ต้องได้รับการเอาใจใส่เพื่อที่จะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงในวันหน้า เด็กปฐมวัยต้องได้รับการพัฒนาที่สมดุลครบ ๔ ด้าน ก็จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ เพิ่มพูนมวลประสบการณ์ ได้รับการแต่งแต้มให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ที่มีความสมบูรณ์ รอบคอบทางความคิด มีการตัดสินใจเกิดผลที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาคนเพื่อการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เหมาะสม เมื่อตระหนักว่าเด็กมีความสำคัญต่อประเทศ ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง หรือที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเด็กได้ปฏิบัติต่อ โดยเฉพาะพ่อแม่ ครู ครูพี่เลี้ยงเพราะว่าเด็กที่เจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญที่ดีนั้นต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีควบคู่กันไปถือว่าการอบรมเลี้ยงดูนั้นมีความสำคัญมาก ในฐานะครูปฐมวัยควรตะหนักอยู่เสมอว่า เด็กก็เหมือนผ้าขาวเมื่อคิดอย่างไรก็พูดหรือแสดงออกให้เราเห็นอย่างนั้น เมื่อเขากลับมายิ้มหรือหัวเราะได้ นั้นแสดงว่าในใจของเขาไม่มีปัญหานั้นอยู่แล้ว การสร้างเสียงหัวเราะหรือรอยยิ้มในระหว่างที่ทำการสอนหลายคนอาจคิดว่ามันไม่ใช้เรื่องง่ายเลย เพราะเราทำหน้าที่หรืออาชีพครู ไม่ใช้ผู้ให้ความบันเทิง แต่มันก็ไม่ใช้เรื่องยากไกลตัวอะไรเลย เพียงแค่เราใช้มุขตลกหรือเรื่องที่พวกเขาสนใจที่มีคติสอนใจมาสอดแทรกในขณะสอน เพียงเท่านี้บรรยากาศในห้องเรียนก็จะน่าเรียนมากขึ้น

การประกอบอาชีพครูในปัจจุบันนั้นต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งภาระงานประจำที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ต้องแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของเด็กนักเรียน ร่วมถึงภาระงานพิเศษที่แข่งกับเวลา ผู้ที่ประกอบอาชีพครูจำเป็นต้องปรับตัวรวมทั้งพัฒนาตนเองให้ทันกับความเคลื่อนไหวกับพลวัตที่เกิดขึ้น มีทักษะในการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพ เพราะเรายังเชื่อปรัชญาความเป็นครู คือ "การสร้างคน" หากคนที่เราสร้างนั้นเป็นคน " เก่ง " เป็นคน" ดี " แล้วถามว่าใครมีความสุขมากที่สุด

หมายเลขบันทึก: 619244เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2016 09:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2016 09:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท