เครือข่ายสังฆะเพื่อสังคม 4 ภาค ตั้งเป้าพัฒนานักวิชาการในแต่ละภาค เพื่อรองรับงานด้านวิชาการของเครือข่าย และเท่าทันกับการทำงานทางโลก


ในเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาก็ต้องปรับตัวเองให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การทำงานที่เป็นระบบ นอกจากนี้ยังมีการประเมินตนเอง เพราะทำให้เห็นจุดบกพร่องอะไรบางอย่างที่ต้องแก้ไข และจุดที่ดีของตนเอง ถ้าเราได้เรียนรู้แบบนี้ก็จะช่วยได้เยอะ

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 เครือข่ายสังฆะเพื่อสังคม จัดประชุมพัฒนางานด้านวิชาการของเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาจากภาคต่าง ๆ ณ โรงแรมวีเทรน กรุงเทพมหานคร เครือข่ายสังฆะเพื่อสังคมมีการเชื่อมโยงเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาจากภาคต่างๆ ประกอบไปด้วย เครือข่ายพระสงฆ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เครือข่ายพระสงฆ์ภาคกลาง เครือข่ายพระสงฆ์ภาคใต้ และเครือข่ายพระสงฆ์ภาคเหนือ

การประชุมครั้งนี้แต่ละภาคจะคัดเลือกนักวิชาการแต่ละภาคเข้าร่วมเพื่อพัฒนาความร่วมมือในการทำงานเชิงวิชาการ เช่น การติดตามประเมินผลโครงการ การทถอดบทเรียน ตลอดถึงการทำงานวิจัย บทเรียนสำคัญของการทำงานที่ผ่านมาพบว่าเครือข่ายพระสงฆ์ทำกิจกรรมในระดับพื้นที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง แต่ยังมีงานวิชาการที่ยังเป็นจุดอ่อน ทั้งนี้เพราะขาดนักวิชาการที่จะเข้ามาทำงานด้านข้อมูลและเข้าใจมิติของศาสนาอย่างแท้จริง


พระอมรมิตร คัมภีรธัมโม เลขานุการมูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมว่า “พระสงฆ์มีความสำคัญต่อการทำงานแก้ไขปัญหาสังคม แต่โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรที่จะสร้างพระ สร้างระบบงานให้เกิดขึ้นได้ สามารถถ่ายทอดบทเรียน มีชุดความรู้สามารถขยายได้ งานเครือข่ายพระสงฆ์ปัจจุบัน แยกเป็น 2 โครงการฯ คือโครงการสวดมนต์ และโครงการพระธรรทายาท คาดว่าปีหน้าทั้ง 2 โครงการจะบูรณาการ เห็นเนื้องาน มีคณะทำงานจังหวัดของตัวเอง ค้นหาพระรุ่นใหม่ และมีชุดความรู้ที่เป็นฉพาะของแต่ละภาค “

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “คณะทำงานของแต่ละภาคถือว่ามีบทบาทสำคัญและส่วนร่วมในการสร้างความเข้มเข้มให้กับพระพุทธศาสนา ดังพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า พุทธศาสนาจะเสื่อมหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า ยังมีการเผยแพร่ และปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนอยู่หรือไม่ ศาสนาจะเข้มแข็งหรือไม่ขึ้นกับพุทธบริษัท พร้อมกับสร้างพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่จะเข้าเป็นแบบอย่างและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ และต้องมีภูมิคุ้มกันในตัวเองด้วย

สอดคล้องกับแนวคิดของพระครูพิพิธสุตาทร กรรมการมูลนิธิสังเพื่อสังคมและประธานเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาชุมชนภาคเหนือตอนบน กล่าวให้ข้อเสนอแนะต่อที่ประชุม เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559 ณ วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด ว่า “ในเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาก็ต้องปรับตัวเองให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การทำงานที่เป็นระบบ นอกจากนี้ยังมีการประเมินตนเอง เพราะทำให้เห็นจุดบกพร่องอะไรบางอย่างที่ต้องแก้ไข และจุดที่ดีของตนเอง ถ้าเราได้เรียนรู้แบบนี้ก็จะช่วยได้เยอะ ประเด็นต่อคือเรื่องโอกาส การที่เราทำโครงการ่วมกันโอกาสที่จะพัฒนาทีมทั่วประเทศ ประเทศของเราก็มีศักยภาพในการทำงาน และพื้นที่ก็ได้เรียนรู้บริหารจัดการโครงกาไปพร้อมกัน ต้องมีลักษณะพิเศษ เช่น การจดบันทึก เขียนด้วยตัวเอง เชิงคุณภาพอาจจะคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละครั้ง”


หากจะว่าไปไม่เพียงแต่เป็นการปรับตัวของเครือข่ายพระสงฆ์เท่านั้น ด้าน คุณ พนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธแห่งชาติ ได้แถลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานพระพุทธร่วมกับสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรื่องการจัดตั้ง “เครือข่ายพระสงฆ์” ไม่นานมานี้ ถือว่าเป็นแนวโน้มที่จะหนุนเสริมการทำงานของเครือข่ายสังฆะเพื่อสังคม และพัฒนาพระสงฆ์รุ่นใหม่ ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดูแลพระสงฆ์ทั่วประเทศโดยตรง


หมายเลขบันทึก: 618110เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2016 21:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2016 21:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท