บันทึกวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙
เช้าวันนี้ตื่นตามปกติ ... ความรู้ตัวภายในเงียบ และรู้ว่าหน้าที่ของเช้าทุกๆ วันทำอะไรบ้าง
เตรียมอาหารไปวัด จัดการภารกิจส่วนตัว...และออกเดินทางจากบ้านไปที่วัด
ระหว่างทางเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ฟังธรรมะจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์
พิจารณาและใคร่ครวญตามไปด้วย...มีการแปรเปลี่ยนเกิดขึ้นในตนเองชัดเจน เฝ้าดูไปเรื่อยๆ
การทำงานในช่วงวันดำเนินไปตามหน้าที่...
สิ่งที่เคยรู้สึกรำคาญ ก็เงียบสงบลง ปล่อยไปตามธรรมชาติของสิ่งนั้น
ตกตอนเย็นกลับเข้าไปวัดอีกครั้ง แวะเอายาไปให้ญาติคนไข้ในหมู่บ้านก่อน ...
เจอเด็กๆ จิตใจรู้สึกสดชื่น ... ธรรมชาติของเด็กเต็มไปด้วยความเบิกบาน
มีเรื่องเดิมผ่านเข้ามาให้รับรู้ เป็นเรื่องที่คนไม่ชอบแล้วเขานินทา ปฏิกิริยาการโต้ตอบเมื่อก่อนก็คง ... ตึงขึ้นมาบ้าง แต่ครั้งนี้เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เกิดว่า "ช่างมันเถอะ"... และบอกต่อคุณยายผู้มาเล่าให้ฟัง "ใจเราร่มเย็นเป็นพอ"...
ใบหน้าที่กังวลของคู่สนทนาก็คลายลง...
มานั่งใคร่ครวญและทบทวนในตนเอง...
ก็ได้ยินแต่เสียงว่า "ช่างมันเถอะ"...
กำลังใจในตนเองรู้สึกว่ามีมาก...
นั่งทำงาน อ่านงานวิจัย ...
เสมือนการรอเวลา แต่เป็นการรอเวลาที่มีความตั้งใจในการทำกิจต่างๆ ...
ช่วงนี้ครุ่นคิดเรื่องเล่า...พระทิเบตที่ถูกกักขังแต่ใจท่านเป็นอิสระจากพันธการ ...เรื่องราวเล่านี้วนเข้ามาบ่อยๆ
เวลาที่ระลึกถึง...เสียงภายในก็จะผลุดขึ้นมาว่า "ช่างมันเถอะ"...ใจก็จะเบาโล่งโปร่งสบายขึ้น
...
ไม่มีความเห็น