การจะปฏิบัติธรรมให้ถูกทางได้นั้นก็มีลักษณะเดียวกับการกระทำใด ๆ ของเราในทางโลกที่จะทำถูกได้นั้นต้องมีการศึกษาเรียนรู้สิ่งที่เราจะไปทำนั้นให้รู้และเข้าใจในสิ่งนั้น ๆ ให้ดีก่อน การกระทำของเราในสิ่งนั้นจึงจะถูกต้องครบถ้วน มีผลสำเร็จเกิดขึ้นตามที่เราได้ตั้งใจไว้ มีเพียงความตั้งใจเฉย ๆ ไม่มีความรู้ประกอบแล้ว การกระทำของเราไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรมก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการหลับตากระทำ หรือทำโดยความไม่รู้
การปฏิบัติธรรมนั้น ทางที่ถูกต้องและมีผลสำเร็จเกิดขึ้นตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ คือดับทุกข์ได้ให้กับตัวเองนั้น ต้องศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกให้จบหลายๆ รอบ จนเข้าใจในพระธรรมคำสอนนั้นพอสมควร คือเข้าใจพระธรรมคำสอนว่าพระธรรมส่วนใดเป็นผลของการตรัสรู้ พระธรรมส่วนใดเป็นเหตุของการตรัสรู้ พระธรรมคำสอนแต่ละสูตรนั้น พระพุทธเจ้าตรัสสอนผู้ใด สอนพระอริยบุคคล หรือสอนบุคคลปุถุชนทั่วไป ตรัสสอนเป็นคำย่อสรุป หรือเป็นคำเต็ม ถ้าเป็นคำย่อแล้ว ค ำเต็มว่าอย่างไร ต้องรู้และเข้าใจพระธรรมคำสอนในระดับนี้ จึงจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง มีผลการปฏิบัติที่ถูกต้องเกิดขึ้นกับตัวผู้ปฏิบัติ
ถ้าผู้ปฏิบัติไม่เข้าใจพระธรรมคำสอนดังที่กล่าวมาแล้ว การปฏิบัติของเขาก็ไม่ถูกทาง พาตัวเองหลงเข้าไปในคำสอนของพราหมณ์ ไปหลบทุกข์อยู่ที่ความสงบหรือสมาธิ ซึ่งเป็นผลร้ายต่อผู้ปฏิบัติอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถแก้ไขตนเองกลับมาปฏิบัติในทางที่ถูกต้องดับทุกข์ได้ เพราะถ้าหลงทางเข้าไปในสมาธิ โดยที่ตัวเองยังไม่มีปัญญาประกอบในการทำสมาธินั้น การกระทำอย่างนั้นเรียกว่าไปผิดทางหรือมิจฉาทิฐิ เสียเวลาชีวิตของตนเองอีกชาติหนึ่ง คนเราเกิดมาแต่ละชาตินั้นตั้งใจมาทำให้ตนเองพบสุขถาวร หรือนิพพาน แต่พาตนเองไปหลงทางเสียก่อน จึงไม่มีเวลาพอจะพาตนเองย้อนกลับมาเดินทางที่ถูกต้องได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าบางคนไปหลงทำสมาธิจนแก่ เวลาที่เหลือจึงมีไม่พอที่จะพาตัวเองมาตั้งต้นวิปัสสนาดับทุกข์ในชาตินี้ได้ ในที่สุดตัวเองก็จะเข้าไปติดตาข่ายของพญามาร เวียนว่ายตายเกิดต่อไป อีกนับชาติไม่ถ้วน มองให้ดี ๆ จะเห็นว่าถ้าหลงผิดอย่างนี้แล้ว ทำความเสียหายให้กับชีวิตของเราอย่างมากมายหาที่สุดไม่ได้
ไม่มีความเห็น