ประวัติหมากรุกไทย


การเล่นหมากรุกปรากฏว่ามีในประเทศอินเดียช้านานนับด้วยพันปี พวกอินเดียอ้างว่าหมากรุกเกิดขึ้นเมื่อครั้งพระรามไปล้อมเมืองลงกา นางมณโฑเห็นทศกรรฐเดือดร้อนรำคาญใจในการที่ต้องเป็นกังวลคิดต่อสู้สงคราม ไม่มีเวลาผาสุ นางรู้ว่าจะชักชวนให้ทศกรรฐพักผ่อนด้วยประการอื่นก็คงไม่ยอม จึงเอากระบวสงครามตั้งทำเป็นหมากรุกขึ้นให้ทศกรรฐเล่นแก้รำคาญ มูลเหตุที่จะเกิดมีหมากรุก พวกชาวอินเดียกล่าวกันมาดังนี้ แต่ชื่อที่เรียกว่าหมากรุกเป็นคำของไทยเราเรียก พวกชาวอินเดียเขาเรียก หมากรุกว่า "จัตุรงค์" เพราะเหตุที่คัดเอากระบวรพล ๔ เหล่าทำเป็นตัวหมากรุก คือ พลช้าง  พลม้า  พลเรือ ๑ (พลเรือนั้นอธิบายว่า เพราะคิดขึ้นที่เกาะลังกา จึงใช้เรือแทนรถ) พลราบ (ได้แก่เบี้ย)  มีพระราชา (คือขุน) เป็นจอมทัพ ตั้งเล่นบนแผ่นกระดานจัดขึ้นเป็นตาราง ๖๔ ช่อง (อย่างกระดานหมากรุก ทุกวันนี้) วิธีเล่นหมากรุกชั้นเดิมที่เรียกว่าจัตุรงค์นั้น ไม่เหมือนอย่างที่เล่นกันในชั้นหลัง มีอธิบายอยู่ในหนังสือมหาภารตะว่า เป็นตัวหมากรุก ๔ ชุด แต้มสีต่างกัน สีแดงชุด ๑ สีเขียวชุดหนึ่ง ๑ สีเหลือง ชุด ๑ สีดำชุด ๑ ในชุด ๑ นั้น ตัวหมากรุกมีขุนตัว ๑ ช้าง (โคน) ๑ ม้าตัว ๑ เรือตัว ๑ เบี้ย ๔ รวมเป็นหมากรุก ๘ ตัว สมมุตว่าเป็นกองทัพของประเทศ ๑ ตั้งตัวหมากรุกในกระดาน ดังนี

 ชุดทางขวามือสมมุติว่าอยู่ประเทศทางตะวันออก พวกทางซ้ายมือว่าอยู่ประเทศตะวันตก ชุดข้างบนอยู่ประเทศทางทิศเหนือ ชุดข้างล่างอยู่ประเทศทิศใต้ คนเล่น ๔ คนต่างถือหมากรุกคนละชุดแต่การเล่นนั้น ๒ พวกที่อยู่ทแยงมุมกัน (คือพวกขาวในรูปนี้) เป็นสัมพันธมิตรช่วยกันรบ กับอีกฝ่ายหนึ่ง (พวกดำ) ลักษณะเดินตัวหมากรุกอย่างจัตุรงค์นั้น ขุน ม้า เบี้ย เดินอย่างกับหมากรุกที่เราเล่นกัน แต่ช้างเดินอย่างเราเดินเรือกันทุกวันนี้ ส่วนเรือนั้นเดินทแยง (อย่างเม็ด) แต่ให้ข้ามตาใกล้เสีย ๑ ตา แต่การที่จะเดินต้องใช้ทอดลูกบาต ลูกบาตนั้นทำเป็นสี่เหลี่ยมแท่งยาว ๆ มีแต่ ๔ ด้าน ๒ แต้มด้านหนึ่ง ๓ แต้มด้านหนึ่ง ๔ แต้มด้านหนึ่ง ๕ แต้มด้านหนึ่ง คนเล่นทอดลูกบาตเวียนกันไป ถ้าทอดได้แต้ม ๕ บังคับเดินขุนฤาเดินเบี้ย ถ้าทอดได้แต้ม ๔ ต้องเดินช้าง ถ้าทอดได้แต้ม 3 ต้องเดินม้า แต้ม ๒ ต้องเดินเรือ จะเดินไปทางไหนก็ตามใจ เว้นแต่เบี้ยนั้นไปได้แต่ข้างหน้าทางเดียว (อย่างหมากรุกที่เรา เล่นกัน) วิธีเล่นหมากรุกชั้นเดิมที่เรียกว่าจัตุรงค์มีเค้าดังกล่าวมานี้

    ครั้นจำเนียรกาลนานมาถึงเมื่อราว พ.ศ.๒๐๐ นี่ ว่ามีพระเจ้าแผ่นดินในอินเดียพระองค์หนึ่ง ชอบพระหฤไทยในการทำสงครามยิ่งนัก ตั้งแต่เสวยราชย์ก็เที่ยวรบพุ่งที่ใกล้เคียง จนได้เป็นมหาราช ไม่มีเมืองใดที่จะต่อสู้ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้น ครั้นไม่มีโอกาสที่จะเที่ยวทำสงครามอย่างแต่ก่อน ก็เดือดร้อนรำคาญพระหฤไทย จึงปรึกษามหาอำมาตย์คนหนึ่ง ชื่อว่า สัสสะ ว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะเป็นสุข มหาอำมาตย์คนนั้นคิดว่าจะแก้ด้วยอุบายอย่างอื่น พระเจ้าแผ่นดินองค์นั้นก็คงจะยังอยากหาเหตุเที่ยวรบพุ่งอยู่นั่นเอง ที่ไหนบ้านเมืองจะได้มีสันติสุข จึงเอาการเล่นจตุรงค์มาคิดดัดแปลงให้เล่นกันแต่ ๒ คน แลเลิกวิธีทอดลูกบาตรเสีย ให้เดินแต้มโดยใช้ปัญญาความคิดเอาชนะกัน เหมือนทำนองอุบายการสงคราม แล้วนำขึ้นถวายพระเจ้าแผ่นดิน ชวนให้ทรงแก้รำคาญ พระเจ้าแผ่นดินองค์นั้นทรงเล่นจตุรงค์อย่างที่มหาสัสสะคิดถวาย ก็เพลิดเพลินพระหฤไทย หายเดือดร้อนรำคาญ บ้านเมืองก็เป็นสุขสมบูรณ์

    กระบวหมากรุกที่ว่ามหาอำมาตย์สัสสะคิดถวายใหม่นั้น คือรวมตัวหมากรุกซึ่งเดิมเป็น ๔ พวกนั้นให้เป็นแต่ ๒ พวก ตั้งเรียงฝ่ายละฟากกระดาน (ทำนองเดียวกับหมากรุกที่เราเล่นกันทุกวันนี้) เมื่อจัดเป็นกระบวนแต่ ๒ ฝ่าย จะมีพระราชาฝ่ายละ ๒ องค์ไม่ได้ จึงลดขุนเสีย ๑ ตัว คิดเป็นตัวมนตรีขึ้นมาแทน (คือตัวที่เราเรียกว่าเม็ด) หมากรุกอย่างที่มหาอำมาตย์สัสสะคิดแก้ไขนี้ ต่อมาแพร่หลายไปถึงนานาประเทศ พวกชาวประเทศอื่นได้คิดดัดแปลงแก้ไขตามนิยมกันในประเทศนั้นอีกชั้นหนึ่ง หมากรุกที่เล่นในนานาประเทศทุกวันนี้จึงผิดเพี้ยนกันไปบ้าง แต่เค้ามูลยังเป็นอย่างเดียวกัน เพราะต้นแบบแผนได้มาแต่อินเดียด้วยกันทั้งนั้น

อ้างอิงจาก http://www.thaibg.com   

คำสำคัญ (Tags): #tc
หมายเลขบันทึก: 61650เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2006 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 16:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยครับ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะค่ะ

11111111111111111111111111111111111111111111111111111111112222222222222222222222222222222222222222222222222222233333333333333333333333333333333333333333333333333333333444444444444444444444444444444444444444444444444444444445555555555555555555555555555555555555555555555555555555566666666666666666666666666666666666666666666666666666667777777777777777777777777777777777777777777777777777777778888888888888888888888888888888888888888888888888888888999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999977777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777777788888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888885555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท