“QE คือการที่ Fed อัดฉีดเงินจ านวนมหาศาล เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ท าให้สภาพคล่องในโลกสูงขึ้น”
การที่ Fed เข้าซื้อสินทรัพย์ตราสารหนี้จากธนาคาร พาณิชย์เป็นการเครดิตบัญชีของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากไว้กับ Fed ด้วยเงินสด
ทำให้ขนาดงบดุลของ Fed ขยายขึ้นทั้งสินทรัพย์ (ตราสารหนี้)และหนี้สิน(เงินสดสำรอง)ขณะที่งบดุลของระบบธนาคารพาณิชย์ยังเท่าเดิม
เนื่องจากในแง่งบดุลของธนาคาร พาณิชย์ มาตรการ QE เป็นเพียงการเปลี่ยนสัดส่วนการถือ สินทรัพย์จากตราสารหนี้เป็นเงินสดเท่านั้น ซึ่งไม่มีการเพิ่ม
สินทรัพย์หรือแหล่งเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด
ยกเว้นในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์นำเงินสดที่มีไปแปรสภาพ เป็นสินทรัพย์ประเภทอื่น ซึ่งจะทำให้เกิด money multiplier ที่สร้างเงิน (broad money) ให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสภาพคล่องที่มีมากขึ้นนี้ก็อาจทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง มากขึ้นด้วย
ในทางตรงกันข้าม หากธนาคารพาณิชย์เลือกที่ จะดำรงเงินสดนั้นไว้ในรูปของเงินสำรองส่วนเกิน มาตรการ QE ก็จะไม่ส่งผลต่อกระบวนการสร้างเงินดังกล่าว ดังนั้น แม้ว่านโยบาย QE จะมีปริมาณมากเพียงใดก็ไม่สามารถส่งผลโดยตรงต่อ global liquidity ได้หากระบบธนาคารพาณิชย์ไม่มีความต้องการที่จะขยายงบดุลผ่านการปล่อยสินเชื่อและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ
เมื่อพิจารณาข้อมูลจากงบดุลของระบบธนาคาร
พาณิชย์ในสหรัฐฯ พบว่าแม้ Fed ดำเนินมาตรการ
QE แต่ขนาดงบดุลของระบบธนาคารพาณิชย์กลับขยายตัวต่ำกว่าเดิมค่อนข้างชัดเจน เพราะธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อ
น้อยลงในช่วงภาวะวิกฤตและเพิ่มการดำรงสินทรัพย์เงินสด
ในรูปเงินสำรองส่วนเกินที่ฝากไว้กับ Fed มากขึ้น ส่งผลให้
broad money ไม่ได้เร่งขึ้นตามปริมาณธุรกรรม QE จึงไม่
ปรากฏว่า QE ทำให้เกิด global liquidity เพิ่มขึ้นโดยตรง
ไม่มีความเห็น