ชาวไทยทุกคนต่างตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์ที่ได้ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทำให้พวกเราได้หยัดยืนบนผืนแผ่นดินไทยอย่างมีความสุขตราบเท่าทุกวันนี้เมื่อกองทัพไทยได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์
๗ กษัตริย์มหาราชแห่งสยาม ณ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สวยงาม
โดดเด่นเป็นสง่า สร้างความเลื่อมใส ศรัทธา ความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น
จึงได้เห็นผู้คนหลั่งไหลไปเคารพ สักการบูชา อย่างไม่ขาดสาย
กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทย ที่ใครๆ ต่างถวิลหา
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:office" />
<?xml:namespace prefix = o />
<?xml:namespace prefix = o />
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเราจะพบเห็นอนุสาวรีย์
อนุสรณ์สถานและรูปเคารพเป็นจำนวนมาก หลายแห่งผิดรูปแบบ ไม่ได้สัดส่วน
สถานที่ตั้งไม่เหมาะสม
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว นายอารักษ์ สังหิตกุล
ในสมัยที่เป็นอธิบดีกรมศิลปากร (มติชน
๒๕ มิ.ย. ๒๕๕๐) เผยว่า
มีเป็นจำนวนมากทั้งที่ไม่ขออนุญาตและที่จัดสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังพบว่ามีการสร้างผิดแบบ
ผิดจากหลักโครงสร้างสรีระจริงของมนุษย์
ไม่ได้สัดส่วน และจัดสร้างในสถานที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันกรมศิลปากรก็ยังไม่มีอำนาจไปเอาผิด
สอดคล้องกับงานวิจัยของพักตร์สุภางค์เหลืองธีรกุล (เมษายน ๒๕๕๖) เรื่อง
“ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ อนุสาวรีย์
อนุสรณ์สถานและรูปเคารพ” (ทุน สนง.เลขาธิการวุฒิสภา) พบว่า
มีเพียงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ
และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นกฎหมายฉบับเดียวที่กำหนดหลักเกณฑ์
การพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต
พิจารณารายละเอียดอื่นๆ
หากผู้สร้างไม่ขออนุญาตก็สร้างได้ เนื่องจากระเบียบดังกล่าวไม่มีสภาพบังคับแก่ผู้ที่ฝ่าฝืน
กรมศิลปากรจึงได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติอนุสาวรีย์แห่งชาติ อนุสาวรีย์
อนุสรณ์สถานและรูปเคารพ พ.ศ..... ต่อรัฐสภา
แต่เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้วยังเห็นว่าไม่มีความจำเป็นในการตราขึ้นมา
สามารถนำกฎหมายอื่นมาปรับใช้แทนได้
พักตร์สุภางค์จึงได้ศึกษากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
พบว่าพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ ไม่สามารถนำมาบังคับได้เพราะไม่เข้าลักษณะของโบราณสถาน
โบราณวัตถุ
ไม่ผิดกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
“ผู้ใดหมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ...” หรือมาตรา ๒๐๖
“ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด
อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้นต้องระวางโทษ...”
เนื่องจากหลักของกฎหมายอาญาของผู้กระทำความผิดนั้นต้องเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือโดยประมาทที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
ซึ่งการสร้างอนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน รูปเคารพของผู้คนทั่วไปส่วนมากเกิดจากศรัทธา
ความเชื่อ และความเลื่อมใส มิได้เกิดจากเจตนาอาฆาตมาดร้าย
ไม่สามารถนำพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ.๒๕๒๒ และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับได้
เพราะเป็นเพียงกฎหมายที่ใช้ควบคุมการก่อสร้างให้มีขนาด
หลักเกณฑ์และวิธีการตามความเหมาะสม
เพื่อให้อาคารมั่นคง แข็งแรง
ปลอดภัยสำหรับใช้สอยอาคารเท่านั้น
ความเป็นมาของการสร้างอนุสาวรีย์
ในอดีตนั้น เมื่อคนไทยเกิดความประทับใจบุคคลหรือวีรกรรมของบุคคล
มักสร้างอนุสาวรีย์เป็นสิ่งก่อสร้างอันเนื่องในพระพุทธศาสนา เช่น การก่อสร้างพระสถูปที่อำเภอดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการทำสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระมหาอุปราชา
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการติดต่อกับประเทศทางตะวันตกมากขึ้น
ในด้านประติมากรรมไทยเริ่มยอมรับแบบแผนอย่างชาติตะวันตก
เห็นได้จากการที่ รัชกาลที่ ๕
ให้สร้างพระบรมรูป รัชกาลที่ ๑-๔ ขนาดเท่าพระองค์จริง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกที่สร้างในที่สาธารณะ
และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปสักการะบูชาได้ คือ
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หรือรู้จักกันดีว่า “พระบรมรูปทรงม้า”
การปั้นหล่อรูปเหมือนหรืออนุสาวรีย์เริ่มแพร่หลายในประเทศไทยสมัย ร.๖
โดยมี ศ.ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้บุกเบิกวางรากประติมากรรมในประเทศไทย
ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียนสอนศิลปะ
ต่อมาโรงเรียนแห่งนี้ได้เลื่อนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ ประกอบกับแนวความคิดในสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไป
เกิดการยอมรับว่า
การสร้างอนุสาวรีย์เป็นเครื่องเตือนใจให้น้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของบุคคล
ความนิยมในการสร้างอนุสาวรีย์จึงแพร่หลายขึ้น (
การสร้างอนุสาวรีย์ที่ถูกต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ.๒๕๒๐
ซึ่งยังคงใช้มาถึงปัจจุบัน ต้องส่งเรื่องไปที่กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ซึ่งมีคณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ เป็นผู้รับผิดชอบอนุมัติหรือไม่อนุมัติ
ส่วนการจำลองพระพุทธรูปสำคัญและพระบรมรูปของพระบรมราชจักรีวงศ์จะต้องได้รับพระบรมราชานุญาต
โดยเสนอผ่านกรม
พระบรมราชานุสาวรีย์
๒ พ่อขุน ณ เมืองบางขลัง
</strong>
เทศบาลตำบลเมืองบางขลังได้ดำเนินการขออนุญาตตามขั้นตอน
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธ.ค. ๒๕๕๒
กรมศิลปากรได้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติฯ
ถึงการอนุมัติ
แก้ไข ปรับปรุงตามลำดับ
สรุป ดังนี้ (มติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ วันที่ ๑๔ มี.ค. ๒๕๕๗)
ตามที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
ได้ขออนุญาตสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพ่อขุนผาเมือง
สำเนาหนังสือ จ.สุโขทัยเห็นชอบโครงการฯ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วยนั้น
สำนักช่างสิบหมู่ขอความอนุเคราะห์สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
ตรวจสอบพระราชประวัติ ผลการตรวจสอบ ดังนี้
๑.
การจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพ่อขุนผาเมือง ณ
บริเวณเมืองบางขลัง มีความเหมาะสมทางด้านประวัติศาสตร์
เนื่องจากมีหลักฐานปรากฏอยู่ในศิลาจารึกวัดศรีชุม และศิลาจารึกนครชุม
ซึ่งสรุปได้จากหลักฐานทั้ง ๒ แห่ง
เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองบางขลัง และวีรกรรมของพ่อขุนผาเมือง
เจ้าเมืองราด และพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ที่นำพลมารวมกันที่เมืองบางขลัง
หรือบางขลัง หรือ บางฉลัง แล้วเข้าตีได้เมืองสุโขทัยคืนจากขอมสบาดโขลญลำพง
จากนั้นพ่อขุนผาเมืองยกเมืองสุโขทัย พร้อมทั้งพระนาม ศรีอินทรบดินทราทิตย์
รวมทั้งพระแสงขรรค์ชัยศรีให้พ่อขุนบางกลางหาว ถือเป็นการสถาปนาอำนาจของราชวงศ์พระร่วงที่เมืองสุโขทัย
ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย
๒. สถานที่ก่อสร้าง ณ เมืองบางขลัง
เป็นสถานที่ที่เหมาะสมตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
๓. การเรียกนามอนุสาวรีย์ควรใช้ว่า
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพระอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติฯ
ได้พิจารณามาตามลำดับและมีมติสรุปได้ ดังนี้
เห็นชอบในหลักการ
ให้อำเภอสวรรคโลกจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพระอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง,
เห็นชอบสถานที่ก่อสร้างบริเวณด้านหน้าที่ทำการ อบต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก
จ.สุโขทัย ,
เห็นชอบให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ประดิษฐานคู่พระอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง
ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งพระองค์จริง, เห็นชอบประวัติและผลงานประติมากร (นายกิตติชัย
ตรีรัตน์วิชชา), เห็นชอบต้นแบบพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพระอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง,
เห็นชอบร่างคำจารึกฯ ที่คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ตรวจสอบแก้ไขแล้ว, เห็นชอบแท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ
ที่ทาง ทต.เมืองบางขลัง ได้ปรับแก้ตามคำแนะนำของผู้แทนกรรมการฯ
กรมศิลปากร ที่ วธ ๐๔๑๔/๓๒๒๕ ลง ๒๒
ส.ค. ๒๕๕๗ แจ้ง ทต.เมืองบางขลัง ความว่า กรมศิลปากรโดยผู้แทนกรรมการฯ
ที่ได้รับมอบหมายได้ตรวจการปั้นขยายพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพระอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง
โดยมีข้อแก้ไขบางประการ ซึ่งประติมากรได้แก้ไขตามคำแนะนำถูกต้องทุกประการแล้ว
เห็นสมควรให้ดำเนินการต่อไปได้
เทศบาลตำบลเมืองบางขลัง ร่วมกับจังหวัดสุโขทัยและกองทัพภาคที่
๓
</strong>
อัญเชิญจากโรงหล่อ จ.นครปฐม มาประดิษฐาน ณ เทศบาลตำบลเมืองบางขลัง เมื่อ
๑๙-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ พิธีพราหมณ์โดยพราหมณ์ชื่อดัง
ทศพล เรืองบุณย์ มีรถนำขบวนของตำรวจท้องที่นำส่งต่อกันในแต่ละอำเภอ ตามด้วยรถตำรวจ
สภ.เมืองบางขลัง, รถตำรวจทางหลวง, รถทหารถือรถชาติ ๑๔ นาย, รถทหารถือเครื่องสูง ๑๔
นาย, รถอัญเชิญสองพ่อขุน ทหารถือฉัตร ๔ นาย, รถทหารถือธงชาติ ๑๔ นาย, รถพยาบาล
รพ.สวรรคโลก, รถตู้ตำรวจ สภ.เมืองบางขลัง, ปิดขบวนด้วยรถตำรวจท้องที่แต่ละอำเภอ
๑๙พ.ย.๒๕๕๘
-
</strong>
๐๗.๓๐
น.
นายปิติ แก้วสลับสี
ผู้ว่าราชการ จ.สุโขทัย ทำพิธีสักการะรับเข้าสู่ จ.สุโขทัย ณ ที่ว่าการ อ.กงไกรลาศ
(อ.แรกของ จ.สุโขทัย)
ล้างพระบาท
ถวายพวงมาลัย กองเกียรติยศตำรวจภูธรกงไกรลาศ, ขบวนอัญเชิญเดินทางจากที่ว่าการอำเภอกงไกรลาศ
ผ่านอำเภอเมืองสุโขทัย
- ถึงวัดพระพายหลวงหยุดทำพิธีบวงสรวง
(สันนิษฐานกันว่าเป็นราชวังเดิมของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์)
ดร.พรรณสิริกุลนาถศิริ นายก อบจ.สุโขทัย ประธาน ล้างพระบาท
ถวายพวงมาลัย กองเกียรติยศตำรวจตระเวนชายแดน, ขบวนผ่านอำเภอศรีสำโรง อำเภอสวรรคโลก
-
ถึงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยหยุดทำพิธีบวงสรวง
(สันนิษฐานว่าเป็นราชวังเดิมของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์)
พล.ต.ทรงวุฒิ จิตตานนท์
ประธาน ล้างพระบาท ถวายพวงมาลัย กองเกียรติยศตำรวจภูธรศรีสัชนาลัย , ปลายทาง ทต.เมืองบางขลัง
นายสมบัติ จันทรสมบัติ นายอำเภอสวรรคโลกทำพิธีรับ ล้างพระบาท ถวายพวงมาลัย ช่วงเย็น
เจริญพระพุทธมนต์น้อมบูชา
๒๐พ.ย.๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๐๐
น.พิธีพราหมณ์ / พุทธ โดย
พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ ๓และนายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัด
ร่วมเป็นประธานบวงสรวง ล้างพระบาท ถวายพวงมาลัย อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน
เวลา ๑๘.๓๐
น. พิธีเทวาภิเษกที่เข้ม ขลัง ศักดิ์สิทธิ์
บัดนี้ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพ่อขุนผาเมือง
สองวีระบุรุษผู้สร้างชาติไทย ขนาดเท่าครึ่งพระองค์จริง สูง ๒.๙๐ เมตร หนัก ๑,๓๐๐
กิโลกรัม ที่ได้รับการเห็นชอบให้สร้างอย่างถูกต้องจากคณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติฯ
ภายใต้การควบดุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากกรมศิลปากร
ได้ประดิษฐานคู่กันอย่างสมพระเกียรติ สง่า
สวยงาน ณ ด้านหน้าเทศบาลตำบลเมืองบางขลัง ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่ทั้งสองพระองค์ประดิษฐานคู่กัน
การเดินทางมาเคารพ สักการะสะดวก
สบาย เพราะอยู่ติดถนนลาดยาง และอยู่กึ่งกลางระหว่างถนนสายเมืองเก่าสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย
อยู่ห่างสนามบินสุโขทัย ประมาณ ๓๙
กิโลเมตร
ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้แก่
จ.สุโขทัย และประเทศไทยสืบไป.
ได้รับหนังสือแจ้งว่า “อนุญาตให้จัดสร้างได้” จากกรมศิลปากรหรือไม่/เห็นมีแต่หนังสือเห็นชอบหลักการเท่านั้น
ได้รับหนังสือแจ้งว่า “อนุญาตให้จัดสร้างได้” จากกรมศิลปากรหรือไม่/เห็นมีแต่หนังสือเห็นชอบหลักการเท่านั้น