หลังจากธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ
(
Quantitative
Easing)
หรือ QE
การลดขนาด QE จะสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ช่องทางแรก ได้แก่ ช่องทางการส่งสัญญาณ ตรงนี้จะเห็นได้ชัดจากการประกาศความตั้งใจที่จะทำ QE Tapering ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ตกลงมากกว่าร้อยละ 20 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐก็ขึ้นมาอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบหลายปี
ช่องทางที่สอง เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่า เงินสดและสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ไม่สามารถทดแทนกันโดยสมบูรณ์ได้ จะเห็นได้ว่าเมื่อการลดขนาดของ QE เกิดขึ้น เงินที่หายไปจากตลาดส่วนหนึ่งของนักลงทุน ย่อมส่งผลให้นักลงทุนต้องปรับพอร์ตของตนเองด้วยการลดการถือครองสินทรัพย์ทางการเงิน
ช่องทางสุดท้ายสำหรับการลดขนาดของ QE ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ
ได้แก่ ช่องทางทางการคลัง ตรงนี้ ประชาชนย่อมจะมีสิทธิมองว่าหากธนาคารกลางลดขนาด
QE อย่างรวดเร็ว ย่อมจะเป็นการบอกเป็นรางๆ
ว่ารัฐบาลคงต้องเตรียมจัดเก็บภาษีเพิ่มในอนาคตอันใกล้
เนื่องจากจะหันมาพึ่งพาแหล่งเงินจากธนาคารกลางนั้นคงยากขึ้น
ซึ่งจะทำให้ประชาชนลดการจับจ่ายใช้สอย
การประเมินของการลดขนาดของ QE มี 2 ส่วน ได้แก่ ผลกระทบเชิงจิตวิทยา และ
ผลกระทบในแง่ของการที่ธนาคารกลางสหรัฐและตลาดมีปริมาณเงินที่ลดลงจากการลดขนาดของ
QE
1. พิจารณาจากการประกาศนโยบายเกี่ยวกับการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
2. ประมาณการเส้นโค้งอัตราดอกเบี้ย เมื่อธนาคารกลางสหรัฐทำการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไปเรื่อยๆ
3. แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นผลกระทบต่อตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่
ไม่มีความเห็น