๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๘
แรกๆ ของการเข้าพรรษาดูเหมือนกำลังของจิตดีมากๆ วอกแวกแส่ส่ายน้อย จิตมุ่งมั่น
แต่ช่วงกลาง มีเรื่องพัดผ่านมากระทบเป็นระลอก ...แต่ก็พยุงความตั้งใจที่จะทำในพรรษานี้ให้ต่อเนื่อง
วันนี้ฝนตกแต่เช้า ...
แต่ก็ลุกขึ้นทำกับข้าวไปวัด แต่เนื่องด้วยฝนตก แม่จึงใช้เวลาไปตลาดนานกว่าปกติ แม่เล่าว่าเดินลำบากพื้นลื่น ดังนั้นแม่จึงกลับมาทำกับข้าวไม่ทัน ข้าพเจ้าก็เลยนำกับข้าวสำเร็จที่แม่ซื้อมา นำไปถวายพระด้วย อาทิเช่น ซาลาเปา ปลาปิ้ง ซุปมะเขือเทศ และขนม
ส่วนข้าพเจ้าก็หุงข้าวกล้อง และทำข้าวผัดผักปลากระป๋อง...และมีน้ำจับเลี้ยง เพียงเท่านี้ ก็ได้อาหารถวายพระไปวัดตั้ง ๕ หม้อ
"ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย" ...
เป็นคำที่ข้าพเจ้าใช้เตือนตนเอง การทำต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดเป็นนิสัย และวันนี้ตอนเย็น ก็ได้ยินประโยคนี้จากองค์หลวงปู่ด้วยเช่นกัน เป็นคำสอนที่ซาบซึ้ง และเป็นกำลังใจที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาอย่างยิ่ง
หลังเลิกงาน ได้ปัจจัยจากกลุ่มงานก็นำไปซื้อของเพื่อเตรียมทำกับข้าวถวายพระพรุ่งนี้
แม้ฝนตกปลอยๆ แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าไปวัด
วันนี้ไม่ได้เข้าไปเดินจงกลมที่กุฏิ ...ใช้พื้นที่หลังศาลา๔ เดินจงกลมแทน "วิเวกเช่นกัน"...
หลังเดินเสร็จ เป็นวาสนามาก องค์หลวงปู่เมตตาเดินมาและได้สนทนากับท่านพร้อมได้รับธรรมะที่ช่วยยืนยันและสนับสนุนบนเส้นทางนี้
สาธุ สาธุ สาธุ...
เสร็จภารกิจทาง "จิตศาสตร์" นี้แล้ว
ก็กลับเข้าบ้าน วันนี้สนทนาเยอะมากกว่าปกติ อาจมีเรื่องที่ต้องสะสางและแจ้งเรื่องราวหลายเรื่อง
แต่ก็ดึงสติรับรู้ในทุกขณะจิตที่เป็นและดำรงอยู่
ถึงบ้าน ...ก็ลงมือทำขนมนึ่ง"ข้าวโพดสาคู" แบบสูตรประยุกต์และจินตนาการขึ้นมาเอง
พรุ่งนี้ก็ได้ชิมจะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง
และส่วนหนึ่งก็นำไปถวายพระ ...
ใช้แป้งแทนสาคู ...และชอบข้าวโพด จึงลองนำสองอย่างนี้มาผสานกัน เป็นขนมทานเล่นๆ ที่อาจไม่เพิ่มน้ำหนักและน้ำตาลแก่ตนเองมากนัก
ไม่ว่าจะทำขนมอะไร หรืออาหารว่างอะไร ข้าพเจ้ามักจะจินตนาการขึ้นมาก่อนแล้วทดลองลงมือทำตามที่คิดจินตนาการ
ลักษณะหรือทักษะเช่นนี้ ...ข้าพเจ้าเชื่อว่าได้มาจากสภาวะที่จิตสงบเป็นสมาธิและเกิดปัญญา "ปิ๊งแว้ป"ๆ...
สาธุครับอาจารย์ อาจารย์หายป่วยแล้วนะครับ
อนุโมทนาสาธุค่ะ บ้านเป็นวัดในใจเลยนะคะ