วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๕
...
เป็นวันที่ทำงานคลินิกจิตเวชและเผชิญกับผู้ป่วยที่เจ็บป่วยทางจิตใจ
และเป็นวันที่เราลุยงานกันสี่คน ... มีการวางแผนรับมือและการจัดการไว้ดีพอสมควร
แต่..
สิ่งที่เราไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ในการทำงานมีเรื่องราวมากมาย ผู้ป่วยเป็นลมช็อคระหว่างรอตรวจ ผู้ป่วยวุ่นวายเดินไปมา ...ผู้ป่วยเรียกร้องความต้องการที่เริ่มมีเสียงดังโวยวาย...ถูกสะท้อนจากสายงานเรื่องไม่ประเมินอาการแพ้ยาของผู้ป่วยหรือเพราะเราเชื่อข้อมูลในคอมฯ มากเกินไป แต่จากการประเมินผู้ป่วยปฏิเสธการแพ้ยา..
แม้ว่าจะมีเรื่องเข้ามาแบบต่อเนื่องไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
แต่...สิ่งที่น่าสนใจและเป็นปรากฏการณ์ที่ดีมากๆ คือ ทุกคนคุมสติตนเองได้ นิ่งและค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจในทีมการทำงานเป็นอย่างยิ่ง ...
เหตุการณ์ที่ผู้ป่วยช๊อคเป็นลม เห็นน้ำใจของผู้ป่วยด้วยกันที่ช่วยเหลือกัน เห็นความสงบนิ่งของแพทย์ เห็นการตัดสินใจของทีม และการจัดการนำพาผู้ป่วยลงส่งแผนกฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย งานนี้ตัวเด่น คือ "สติ" ...และปัญญาที่เกิดขึ้นในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาแบบไม่ตั้งตัว
การทำงานกับผู้ป่วยจิตเวช ...กำลังของจิตของบุคลากรมีความสำคัญมาก "ใจที่นิ่งเย็นและยอมรับ" เป็นเสมือนยาที่คอยชะโลมและเยียวยาผู้ป่วย ผู้ป่วยจิตเวชทางการแพทย์บอกว่ามีความผิดปกติทางสารเคมีในสมอง และความเข้มแข็งทางจิตใจ ส่วนในทางพุทธศาสนา พ่อแม่ครูบาอาจารย์เคยอธิบายให้ฟังว่า "คือสภาวะที่คนพ่ายแพ้กิเลสในใจตนเอง ไร้สติที่จะควบคุมกิเลสตนเองได้"
ตอนเย็น...หลังเลิกงาน
เข้าสู่ทางภาวนาและเดินจงกลม วันนี้พิเศษและนานกว่าทุกวัน เพราะการทดสอบจากเรื่องที่ถาโถมเข้ามาเยอะๆ สะท้อนอะไรบางอย่าง "การเดินจงกลมและนั่งภาวนา" ก็เป็นดั่งการเพิ่มพูนและสั่งสมกำลังของจิตไว้ และเราจะเห็นสภาวะจิตของเราที่สั่งสมไว้ก็ต่อเมื่อการใช้ชีวิตตามจริงในแต่ละวัน...
แม้จะเป็นวันที่...ดูเหมือนจะวุ่นวาย
แต่...ก็ถือว่าเป็นวันที่เราสามารถจัดการทุกอย่างได้แบบ "สติและสงบ"
...
ไม่มีความเห็น