เข้าพรรษา (25) ; วันทำงาน
ตี4 ตื่นนอนขึ้นมามีอาการอ่อนเพลียลุกไม่ขึ้น นอนพักสักครู่ตื่นมาทำกิจส่วนตัวตอนตีห้า...
เช้านี้แม่ทำอาหารสุขภาพให้ทาน ผัดอ่อนยอดทานตะวันและปลาปิ้ง ได้ทานซาลาเปายายอิ้วด้วย ครอบครัวยายอิ้วทำซาลาเปาขายตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเด็กๆ 7-8 ขวบจำได้ว่าชอบขอเงินแม่ไปซื้อซาลาเปาเมื่อก่อนแถวบ้านมีทุ่งนา...วิ่งลัดทุ่งนาไปบ้านยายอิ้ว แต่ตอนนี้ตึกรามบ้านช่องขึ้นเต็มแทนทุ่งนา ลูกๆ ยายอิ้วโตทำงานรับราชการและมีครอบครัวหมดแล้ว แต่ยายอิ้วก็ยังคงทำซาลาเปาขาย...
วันจันทร์และวันพฤหัสบดี...จะได้ทานข้าวเช้าที่บ้าน
แต่วันอื่นๆ จะห่อปิ่นโตไปทานที่วัดหลังถวายจังหันเสร็จแล้ว
การทำงานประจำวันนี้เป็นคลินิกจิตเวช มีเรื่องสนุกปรับบริการและเชิงปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยด้วย หลังจากที่เก็บข้อมูลพบว่าผู้ป่วยมาผิดนัดมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเก็บข้อมูลหาสาเหตุพบว่า ยาเหลือ ยาหมดก่อน ลืม เป็นสาเหตุสำคัญ...โดยเฉพาะเรื่องการทานยาสะท้อนได้ว่าผู้ป่วยทานยาไม่ถูกต้อง...การมาตรงนัดของผู้ป่วย จะทำให้สามารถกำกับและติดตามอาการได้ เพราะที่ผ่านมาในกรณีรายที่เกิดวิกฤติส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ป่วยขาดนัดขาดการรักษาต่อเนื่อง
วันนี้เลยทดลองแยกกลุ่มให้บริการชัดเจน กลุ่มที่มาตรงนัดการให้บริการจะลื่นไหลเป็นสายธารดีมาก ส่วนกลุ่มที่มาผิดนัดจะให้บริการทีหลังต่อจากกลุ่มมาตรงนัดเสร็จแล้ว...
ปรากฏว่าเสียงบ่นเสียงโอดครวญเงียบไม่มี คล้ายยอมรับในกติกาชัดเจนขึ้น แต่ต้องปรับไปสักระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยติดตามกำกับเรื่องทานยาให้ถูกต้องต่อไป...ว่าจะเป็นอย่างไร
ช่วงบ่ายเป็นช่วงเคลีย์คลินิกและเตรียมคลินิก Re-Med และเช็คเรื่องยาของผู้ป่วย
ขณะทำงานวันนี้ได้เรียนรู้เรื่อง "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง"...ก็ตรงที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำพฤติกรรมตามสุภาษิตดังกล่าวนำมาซึ่งความขุ่นข้องหมองใจแก่ผู้อื่น
หลังเลิกงานเข้าสู่ทางจงกลม
"เดินตามหาพุทโธ..." นี่งัยการฝึกฝนไปเรื่อยสติมีกำลังมากขึ้นก็จะสามารถดักจับสภาวะจิตที่ละเอียดขึ้นได้. ...ก็ด้วยที่จิตไม่ละเอียดนี่สิ สติบางครั้งก็ตามการเคลื่อนจิตที่ละเอียดไม่ทัน
...
24 สิงหาคม พ.ศ.2558
เข้ามาอ่านทีไร ใจก้สงบเย็นครับ