ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งอ่านแล้วเหมือน "เจอ" สิ่งที่ใช่ในการทำงาน และ "ใช่" สำหรับงานของวิทยาลัยชุมชนหรือแม้แต่การใช้ชีวิตก็ตาม หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายวิธีคิดอย่างเป็นกระบวนการรวมทั้งการคิดเชิงระบบ
เวลาเราทำงานมักจะเจอกับคน คนก็มีหลากหลายรูปแบบแต่องค์กรไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคนมากนัก โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่ต้องแข่งขันด้านกำไร ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ดิฉันประทับใจประโยคในหนังสือที่ว่า
Do you know your people?
Do you really love them?
"องค์กรจะแข็งแกร่งได้โดยทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ทั้ง ความรู้สึก เลือดนื้อ สุขภาพกาย สุขภาพจิต ก็จะยังประโยชน์ให้องค์กรได้สูงสุด"
เมื่อเริ่มศตวรรษที่ ๒๐ จากปี คศ.๑๙๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ผู้นำ ซึ่งเป็นผู้ชี้นำของสังคมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในสมัยก่อน องค์ความรู้มีความสำคัญยิ่ง แต่ด้วยความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ จากสื่อต่างๆ ได้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น ต้องการรู้อะไรก็สามารถหาได้ แต่ในภาพรวมขององค์กรก็ยังคงอยู่กลางสื่อ คือ ต้องการคนรุ่นใหม่ในสังคมที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสามารถรวบรวมข้อมูล (Data) ให้เป็นสภาพของ Information ได้ ต้องสามารถย่อย Information ให้กลายเป็นองค์ความรู้ (Knowledge) ได้ ซึ่งในที่สุดต้องสามารถกลั่นตัวเป็น Wisdom ได้
คนในองค์กรเองก็ต้องมีการพัฒนาตนเองโดยเฉพาะในเรื่องของภาษา ในหนังสือเขียนถึงเรื่องภาษาที่จำเป็นอยู่ ๔ ภาษา คือ
วิธีคิดที่สามารถนำมาใช้คือการคิดเชิงระบบ
"If you can't explain if simply, you don't understand it well enough"
ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งใดให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ นั้น หมายความว่า คุณเองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งนั้นอย่างดีพอ
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเหมือนเป็นเครื่องมือนำทางในการทำงานและการใช้ชีวิตมากๆ ลองไปหาอ่านกันนะคะ โดยเฉพาะการรับข่าวในปัจจุบัน เช่น ข่าวไฟไหม้ที่นักข่าวมักบอกเกือบทุกครั้งว่า เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร จะทำให้เรากระจ่างขึ้นถ้าหากเราฝึกใช้การคิดเชิงระบบ....
ไม่มีความเห็น