เริ่มต้นการเขียนวิจัยว่าด้วยเรื่อง เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(บทที่๒)
อาจารย์สุภัชชา พันเลิศพาณิชย์
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหรือบางสถาบันใช้คำว่าการทบทวนวรรณกรรมตรงกับภาษาอังกฤษว่าReview Related Literatures หรือ LiteratureReview ต้องมีการสืบค้นแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในอดีตที่มีอยู่แล้วที่ยังทันสมัยไม่ควรเกิน๕ปี และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่เราทำอยู่เพื่อมาสนับสนุนเรื่องที่เราทำ นำมาเขียนสรุปใหม่ในรูปแบบลีลาการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ตนเองโดยเขียนอย่างเป็นระบบ มีระเบียบมีเหตุผล จึงเห็นได้ว่าการเขียนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องไม่มีรูปแบบเนื้อหาที่ตายตัวขึ้นอยู่กับบุคคล เวลาและ เนื้อหางานวิจัยเป็นหลัก (หน้า๑o๕) เมื่อถึงเวลาเขียนต้องเลือกคัดสรรมาบางส่วนมิใช่ยกมาทั้งหมดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิจัยแต่ละเรื่องซึ่งปกติแล้วส่วนของเนื้อหาจะนำเสนอความหมายของคำหรือข้อความที่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องทำวิจัยรวมถึงสถานการณ์ที่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยโดยต้องมีการอ่านทบทวนแนวคิดทฤษฎีอย่างละเอียดในส่วนเฉพาะที่ต้องการนำมาสนับสนุนงานวิจัยในเรื่องที่ตนทำอยู่ และศึกษารูปแบบ วิธีทำ ผลที่ได้จากการวิจัย รวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติและแนวทางวิเคราะห์ข้อมูลรวมทั้งรูปแบบและลีลาการเขียนแต่ละบุคคลในการวิจัยที่เกี่ยวข้องและปัจจัยที่ส่งผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อปัญหาการวิจัย(ศ.บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์ คู่มือการวิจัย พิมพ์ครั้งที่๑o ๒๕๕๓ หน้า ๑o๗-๑O๘๕)
เกณฑ์มาตรฐานการนำเสนอเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
-ต้องประกอบด้วยอย่างน้อยสองส่วนคือแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
-. แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
-ความหมายของสิ่งที่จะวิจัย (หรือเรื่องที่จะวิจัย)
- แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องที่วิจัย
- ระเบียบวิธี หรือเทคนิควิธีการวิจัยเฉพาะ (ถ้ามี)
-. ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยผลงานวิจัยในประเทศ และผลงานวิจัยต่างประเทศที่ทันสมัยไม่
เกิน ๑o ปี
-. การเขียนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้ใช้ภาษาที่เรียบเรียงเป็นของตนเองโดยเขียนให้สัมพันธ์ต่อเนื่องกันทั้งบท สังเคราะห์เนื้อหาตามประเด็นการศึกษาที่เป็นวัตถุประสงค์หลักการ เหตุผลและโยงแนวคิดทฤษฎีกับคำถามวิจัยหรือสมมติฐานการวิจัยอ้างอิงแทรกหรือ quote ข้อความทุกครั้งที่กล่าวถึงข้อความของผู้อื่น
สรุป เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เป็นการเขียนสรุปสาระสำคัญผลการศึกษาค้นคว้าในเรื่องที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งที่จะทำวิจัย โดยได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎี เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องศึกษาอย่างกว้างขวาง ครอบคลุม และเจาะลึกจึง ต้องคัดสรรสิ่งที่จะเขียนให้เหมาะสม เนื่องจากในการศึกษาค้นคว้านั้น อาจพบข้อมูลต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและคล้ายจะเกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงต้องกำหนดกรอบการคัดสรรให้ดีไม่ใช่เขียนรายงานผลการศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างที่รวบรวมมาได้
ลักษณะการเขียน เป็นการเขียนเชิงสังเคราะห์จากสิ่งที่รวบรวมได้ เขียนเป็นภาษาของ ตนเอง ไม่นำเอาสิ่งที่ค้นคว้าได้มาเรียงต่อๆ กัน ดังนั้นในการเขียนบทนี้ ต้องกำหนดโครงเรื่องเป็นหัวข้อต่างๆ ให้ชัดเจน คือ หัวข้อใหญ่ หัวข้อรอง และหัวข้อย่อย จากนั้นจึงนำเสนอในรายละเอียด
ส่วนที่สรุปต้องเขียนให้ทราบถึงสถานภาพปัจจุบันหรือองค์ความรู้ ที่ มีอยู่ในปัจจุบัน เกี่ยวกับประเด็นปัญหาของหัวข้อวิจัยเช่น เคยมีใครศึกษาค้นคว้าเพื่อหาคำตอบในประเด็นนี้หรือประเด็นใกล้เคียงมาแล้วบ้าง ใช้วิธีการใด และได้ผลอย่างไร การที่ได้อ่านทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางจะช่วยให้ทราบว่าประเด็นปัญหาของการวิจัย ที่เราประสงค์จะศึกษาค้นคว้านั้น เคยมีใครศึกษามาก่อนแล้วหรือไม่ อย่างไร งานวิจัยที่เราทำไม่ควรจะซ้ำซ้อนกับงานที่เคยมีผู้ เว้นแต่ว่าถ้าเรื่องเหมือนกันแต่วิธี
การให้ได้คำตอบ (approach) แตกต่างออกไป ใช้ปัจจัยเงื่อนไขที่แตกต่างจากงานเดิม หรืออาจใช้วิธีการเดียวกันแต่แนวคิดและสมมติฐานของเราแตกต่างออกไป เราต้องการพิสูจน์เพื่อยืนยันหรือล้มล้างคำตอบของประเด็นปัญหาจากผลงานเดิม ก็อาจเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำงานวิจัยนี้ได้
และนำไปใช้เป็นหนังสืออ้างอิงท้ายเล่มต่อไป (www.crc.ac.th/e-filing/forms/thesis/chapter2.do )
ไม่มีความเห็น