การจัดการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษามีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน รูปแบบหนึ่งที่จะนำมาแก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน คือ การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ซึ่งเป็นการเรียนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกัน โดยในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความสามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน และมีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในส่วนตนและส่วนรวม เพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด หลักการของการเรียนแบบร่วมมือ 1. การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในทางบวก สมาชิกในกลุ่มทำงานอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน มีการทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สมาชิกในกลุ่มมีความรู้สึกว่าตนประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จด้วย2. การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เป็นการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการติดต่อสัมพันธ์กัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน3. ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละบุคคล กลุ่มจะต้องช่วยกันเรียนรู้และช่วยกันทำงาน โดยมีความรับผิดชอบต่องานของตนอย่างเต็มที่เพื่อผลสำเร็จของงานกลุ่ม4. การใช้ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานกลุ่มประสบผลสำเร็จ นักเรียนควรจะได้รับการฝึกทักษะในการสื่อสาร การเป็นผู้นำ การไววางใจผู้อื่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา มีการร่วมมือกันในกลุ่ม5. กระบวนการกลุ่ม เป็นวิธีการที่จะช่วยให้การดำเนินงานกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกทุคนต้องทำความเข้าใจในเป้าหมายการทำงาน วางแผน ปฏิบัติงานร่วมกัน ดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ ตลอดจนประเมินผลและปรับปรุงงาน ประโยชน์ของการเรียนแบบร่วมมือ1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิก เพราะทุก ๆ คนร่วมมือในการทำงานกลุ่มทุก ๆ คน มีส่วนร่วมเท่าเทียมกันทำให้เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียน2. ส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนมีโอกาสคิด พูด แสดงออก แสดงความคิดเห็น ลงมือกระทำอย่างเท่าเทียมกัน3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน4. ทำให้รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การร่วมคิด นำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกัน เป็นการส่งเสริมให้ช่วยกันคิดหาข้อมูลให้มาคิดวิเคราะห์และเกิดการตัดสินใจ5. ส่งเสริมทักษะทางสังคม ทำให้ผู้เรียนรู้จักปรับตัวในการอยู่ร่วมกันด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เข้าใจกันและกัน6. ส่งเสริมทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือ 1. เทคนิคปริศนาความคิด (Jigsaw) เป็นการสอนที่อาศัยแนวคิดการต่อภาพ วิธีการหลักของการสอนแบบนี้คือ แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มมีสมาชิก 3-4 คน โดยสมาชิกในกลุ่มมีความสามารถคละกัน ผู้เรียนแต่ละคนจะได้ศึกษาเพียงส่วนหนึ่งหรือหัวข้อย่อยของเนื้อหาทั้งหมด โดยการศึกษาเรื่องนั้น ๆ จากเอกสารหรือกิจกรรมที่ผู้สอนจัดให้ ในตอนที่ศึกษาหัวข้อย่อยนั้น ผู้เรียนจะทำงานเป็นกลุ่มกับเพื่อนที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษาหัวข้อย่อยเดียวกันและเตรียมพร้อมที่จะกลับไปอธิบายให้เพื่อนสมาชิกในกลุ่มพื้นฐานของตนเอง จบบทเรียนจะมีการทดสอบ ผลของคะแนนกลุ่มที่พัฒนาขึ้นได้ตามคะแนนมาตรฐานที่กำหนดจะได้รับรางวัล 2. เทคนิคแบ่งปันความสำเร็จ (Student Teams-Achievement Division : STAD) เป็นการเรียนที่แบ่ง ผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน โดยสมาชิกมีความสามารถแตกต่างกัน ทั้งเพศ เชื้อชาติ ผู้สอนกำหนดบทเรียนและงานของกลุ่มไว้แล้ว ผู้สอนทำการสอน แล้วให้ผู้เรียนทำงานกลุ่มที่กำหนด ผู้เรียนในกลุ่มช่วยเหลือกัน เด็กเก่งช่วยและตรวจงานของเพื่อนให้ถูกต้องก่อนนำส่งผู้สอน ผู้เรียนต่างคนต่างทำข้อสอบแล้วเอาคะแนนมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม ผู้สอนจัดลำดับของคะแนนกลุ่มปิดประกาศให้ทุกคนทราบ 3. เทคนิคการเรียนร่วมกัน (Learning Together : LT) เป็นการสอนที่จัดกลุ่ม ผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละไม่เกิน 6 คน ซึ่งสมาชิกมีความสามารถแตกต่างกัน จัดให้ผู้เรียนนั่ง หันหน้าเข้าหากันเป็นวง เพื่อให้สามารถสื่อสารพูดคุยกันได้สะดวก ผู้เรียนแต่ละกลุ่มทำงานตาม ที่ได้รับมอบหมาย สมาชิกกลุ่มมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน มีความรับผิดชอบในตัวเองต่องานที่ได้รับ มอบหมาย ผู้สอนสอนทักษะการทำงานกลุ่ม และประเมินการทำงานกลุ่มของผู้เรียน 4. เทคนิคช่วยกันคิดช่วยกันเรียน (Team Assisted Individualization : TAI) เป็นวิธีการสอนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแบบร่วมมือ (Co-operative Learning) และการสอนรายบุคคล (Individualization Instruction) เข้าด้วยกัน โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือทำกิจกรรมในการเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตน และส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 5. เทคนิคการจัดทีมแข่งขัน (Teams – Games – Tournaments : TGT) เป็นการเรียนแบบร่วมมือกันแข่งขันกิจกรรม โดยจัดกลุ่มผู้เรียนคละความสามารถ กลุ่มละ 3-4 คน แต่ละกลุ่มศึกษาหัวข้อที่เรียน และปฏิบัติหน้าที่ของตนแล้วเริ่มทำการแข่งขันตอบปัญหา คะแนนที่สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มทำได้ จะนำมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม เมื่อเสร็จการแข่งขัน ผู้สอนให้รางวัลกลุ่มที่ทำคะแนนได้สูงสุด 6. เทคนิคกลุ่มสืบค้น (Group Investigation : GI) เป็นวิธีการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 2-5 คน แต่ละกลุ่มทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย สมาชิกในกลุ่มแบ่งงานกันทำตามความถนัดและความสามารถ กลุ่มเสนอผลงานหรือรายงานหน้าชั้น การประเมินผลประเมินทั้ง รายบุคคลและเป็นกลุ่ม การให้รางวัลให้เป็นกลุ่ม 7. เทคนิคร่วมกันอ่านเขียน (Cooperative Intergrated Reading and Composition : CIRC) เป็นเทคนิคสำหรับสอนการอ่าน การเขียน และทักษะทางภาษา ใช้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย โดยเน้นที่หลักสูตรและวิธีการสอน ผู้สอนแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มการอ่านแล้ว ผู้สอนให้ผู้เรียนจับคู่กัน แล้วแต่ละคู่จะถูกกำหนดให้เป็นกลุ่ม ที่ประกอบด้วยสมาชิกอีกคู่หนึ่งที่มาจากกลุ่มการอ่านอื่น ตัวอย่างเช่น ในทีมหนึ่งประกอบด้วยผู้เรียนสองคนที่มาจากกลุ่มการอ่านที่เก่ง และผู้เรียนอีกสองคนที่มาจากกลุ่มการอ่านที่อ่อนกว่า ส่วนผู้เรียนที่จัดว่ามีปัญหาทางการอ่าน ก็ให้กระจายกันอยู่ในทีมต่าง ๆ มีกิจกรรมต่าง ๆ จำนวนหลายกิจกรรม ที่จะต้องทำงานร่วมกันแบบเป็นคู่ ๆ อย่างไรก็ตาม อีกคู่หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันสามารถช่วยเหลือกันได้ ผู้เรียนในทีมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานที่เป็นอิสระจากผู้สอน ผู้เรียนจะประเมินเพื่อนสมาชิกในกลุ่มซึ่งกันและกัน คะแนนจากการประเมินนักเรียนแต่ละคน รวมเป็นคะแนนของกลุ่ม กลุ่มใดได้คะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จะได้รับรางวัล ที่มา : ธนพร ยมรัตน์. ผลการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคปริศนาความคิดที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาสังคมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. นครสวรรค์ : สถาบันราชภัฏนครสวรรค์, 2546.
ขอขอบคุณที่ให้ความรู้
ขออนุญาตใช้ความหมายของการสอนแบบร่วมมือของอาจารย์ธนพรไปทำรายงานนะค๊ะ
ขอบคุณที่ได้นำความรู้มาเผยแผ่ให้เพื่อนร่วมอาฃีพได้นำไปใช้กับผู้เรียน
ขออนุญาตใช้ข้อมูลอ้าวอิงงานวิจัย
ขออนุญาตใช้ข้อมูลอ้างอิงรายงานการสอนแบบร่วมมือ
ข้อมูลมีประโยชน์สำหรับผู้สนใจการสอนแบบร่วมมือ ขอบคุณค่ะ
ขอถามจำนวนของสมาชิกในกลุ่ม แต่ละกลุ่ม จัดได้มากที่สุด กี่คนครับ 10-15คนได้หรือไม่
ขอคุณ ค่ะ
ว่าแต่ นามสกุล เหมือน หนูเลย