ตื่นนอนที่สาม...ทำวัตรและนั่งสมาธิ
จากนั้นก็ไปเตรียมน้ำอุ่น สำหรับใช้ดีท็อค และเตรียมผงถ่ายไว้สำหรับพอก … พลังกายพลังชีวิตดีมาก นาฬิกาชีวิตกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงเดิม ตื่นนอนได้อย่างไม่มีอาการงัวเงีย
หลังจากเสร็จภารกิจถอดถอนพิษแล้ว (Detox)
สังเกตตนเองว่าสบายตัวขึ้น อาหารปวดเมื่อย เมื่อยล้าแทบไม่มีเลย
พละกำลังดีมากๆ...
จากนั้น...ก็เตรียมต้มน้ำ RC และหุงข้าวกล้อง+ ข้าว RC และล้างผักสดฤทธิ์เย็นไว้ให้แม่ผัดใส่วุ้นเส้นให้
แม่กลับมาจากตลาด …มาทำหมกปลาและผัดวุ้นเส้น...และผัดสะตอสำหรับถวายพระ
วันนี้เป็นวันที่ข้าพเจ้าจะต้องเดินทางไป จ.สราษฏร์ธานี
หลังจากเตรียมกำลังเสร็จเรียบร้อย ก็ตรงไปที่วัดเพื่อถวายจังหันและออกเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในเช้านี้ คือ การเผชิญหน้ากับความร้อนจากใจของคน แล้วเราหาวิธีจัดการความร้อนนั้นไม่มาผสานกับความร้อนของตนเองให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเครื่องมือที่ข้าพเจ้าใช้ คือ ลมหายใจ สมาธิ และการแผ่เมตตา ซึ่งเราสามารถทำได้ทุกขณะจิค (ตลอดเวลา)
อารมณ์ที่รุ่มร้อนของคนที่มาปฏิสัมพันธ์กับเราก็ไม่สามารถมีผลต่อภายในของเราได้ เพราะเมื่อไรก็ตามพิษร้อนทางจิตใจของผู้คนมาปะทะเข้าจิตเราไปสัมผัส สารชีวเคมี (ธาตุทั้ง ๔) ในร่างกายเราก็เคลื่อนเข้าสู่ความเสียสมดุล มากเข้านำมาสู่สภาวะการเจ็บป่วย
ข้าพเจ้าจำได้ว่าหลวงปู่เคยสอนเรื่องธาตุทั้ง ๔
ท่านบอกว่า "ที่คนเราเจ็บป่วยนี้ก็เพราะการความไม่สมดุลกันของธาตุ เกินบ้างขาดบ้าง เราจึงป่วยให้ไปพิจารณาเอา"
สภาวะร่างกายของข้าพเจ้าในช่วงหลัง...ธาตุไฟและธาตุลมเกิน
เพราะมีอาการตับอักเสบเกิดขึ้น นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ความร้อนในร่างมีมาก จนเผาพลาดอวัยวะภายใน ความปวดเมื่อยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายก็มาจากธาตุไฟเกิน … และมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ่อยๆ แสดงว่า การเดินทางของลมภายในร่างกายนี้เดินทางได้ไม่ดีนัก
ถ้าเราฝึกพิจารณาร่างกายเราเช่นนี้...
เราจะเข้าใจและสามารถแก้ไขร่างกายและสภาวะการเจ็บป่วยได้ก่อนที่จะเป็นมากกว่านี้
ในทัศนะส่วนตัวข้าพเจ้าเชื่อว่า เครื่องมือที่ช่วยให้เกิดความสมดุลเร็วที่สุดคือ การทำสมาธิภาวนา พิจารณาสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วเราจะเข้าใจ ในขณะเดียวกันถ้าศีลเราครบการใช้ชีวิตจะเคลื่อนเข้าสู่ความสมดุลมากขึ้น
ขณะที่นั่งรอต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมือง...
ใช้การนั่งสมาธิภาวนา สลับกันไปกับการเขียนหนังสือ
เมื่อประเมินใคร่ครวญในตนเองถือว่า พอดี ร่างกายไม่เหนื่อยเพลีย...
ข้าพเจ้ามาถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี ประมาณห้าโมงครึ่ง และกว่าจะเข้ามาถึงที่พักก็ประมาณ ๖ โมงเย็น อาการและสุขภาพดีมากๆ อาการอ่อนเพลียเมื่อยล้าแทบไม่มีเลย มีพละกำลัง ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเหนื่อยมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังคงดูแลตนเองเช่นเดิม
พอกตับ และบริเวณที่มีอาการปวดตึง พอกด้วยผงถ่านผสมดินสอพองและน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น
ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และก็เข้านอน
เป็นอีกหนึ่งวันที่ให้ผลดีต่อสุขภาพ ต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง
…
๐๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗
...รักษาสุขภาพนะคะ...พบแพทย์ก็จะดี และหายเร็วด้วยนะคะ