ไตรสิกขากับทักษะการละคร ที่สำคัญ อยู่ 3 ประการ
ในเรื่องของทักษะในการละครเร่หรือละครอื่นๆ มีทักษะที่เป็นเเก่นอยู่ภายในตัวของผู้เล่น ที่มี 3 ประการด้วยกัน อันได้เเก่ จินตนาการ สมาธิ เเละความเชื่อ ที่เป็นฐานความคิดของคนเล่นละครหรือผู้อื่นที่มีฐานคิดเช่นนี้ คำว่าจินตนาการ เป็นความคิดที่อยู่ในสมองของเรา ในความคิดมีความสร้างสรรค์ในความคิด มีความมั่นใจในความคิด มีความวิเคราะห์ สังเคราะห์ เเยกเเยะ ประเมิน วิพากย์ เเละวิจารณ์ ในเรื่องของสมาธิเป็นการประคอง ใจของตนเอง โดยจะต้องประคองอยู่อย่างสม่ำเสมอ อย่างมี สมานัตตา ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญ ที่เป็นการเชื่อในความดีงามของสิ่งที่เราทำเเละคนอื่นๆทำ ที่ทำให้สังคมเรารู้จักการยอมรับเเละปรับตัว
ในเรื่องของหลักธรรมไตรสิกขา หรือหัวใจศาสนาพุทธ หรือไตรธรรม โดยในที่นี้ขอใช้คำว่าไตรธรรม ทีประกอบด้วย การคิด(ปัญญา) การมีกำลังใจ(สมาธิ) เเละการมีกำลังกาย (บริบท/การทำ) ที่เมื่อมามองกับทักษะการละครเเล้วนั้นเราจะสามารถเเยกเเยะได้ว่าทักษะใดเกิดมาจากอะไร มีรายละเอียดดังนี้
จินตนาการ เกิดมาจากการคิดหรือกระบวนการคิดที่มีการวิเคราะห์ในความเหมาะสมเเละไม่เหมาะสม คิดถึงผลที่จะออกมาเป็นหลักโดยมองที่ กาย หรือที่เราเรียกว่าบริบท ซึ่งเป็นการคิดวิเคราะห์ที่มองปัญหาที่เกิดขึ้น มองความจริงที่เกิดขึ้น เเล้วไปคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ว่า เราจะทำอย่างไรให้งานที่ออกมานั้น เหมาะสมถูงกาลเทศะ มีจินตนาการของตนร่วมด้วยเป็นหลักในการคาดการ ในการคิดว่าจะสื่อสารได้ชัดเจน ฯ ในเรื่องของการฝึกจินตนาการ จำต้องฝึก โดยมองหลายๆอย่าง อาจใช้วิธีการดูละคร อ่านนิยาย ดูการ์ตูน / ในเรื่องของการฝึกการคิด อาจฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ คิดเชื่อมโยง เเยกเเยะ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน วิพากย์ ในบริบทหรือปัญหานั้นๆ เเล้วผลจากจินตนาการ กับ กระบวนการคิด มารวมกัน = เหมาะสมกับการสื่อสาร
สมาธิ เกิดจากใจเป็นบาทฐานในการประคองใจของตนให้ตลอด ลอดฝั่ง เเต่เพียงการประคองใจตนเองนั้นไม่เพียงพอต่อการประคอง ในการประคองสมาธิย่อมต้องมี "สัมมาทิฐิ" เป็นความเห็นชอบ เป็นการคิดย้ำเตือนตนเองเข้าไปอีกในการประคองใจของตนเอง โดยดำรงค์ใจให้ได้ "สมานัตตา" เป็นการดำรงค์ใจให้สม่ำๆเสมอ ไม่ตึงเกินไปเเละไม่หย่อนจนเกินไป ฯ ในเรื่องของการฝึกสมาธินั้นอันนี้จำต้องฝึกด้วยตนเองที่จะเกิดผลได้เพียงผู้ปฏิบัติ รมวทั้งจินตนาการ เเละ ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน การฝึกสมาธิ ในเเง่ของการเเสดง อาจฝึกขึ้นเวทีบ่อยๆ ให้ใจไม่สั่น ให้ได้ฝึกความกล้าไปเรื่อยๆ หรืออาจฝึกจับความรู้สึกของตนเองดู เพื่อปรับปรุงเเก้ไขตนเอง
ความเชื่อ เกิดจากใจเป็นบาทฐานสำคัญ ที่ทำให้เกิดความเชื่อ โดยใจมองไปที่ กายซึ่งเป็นบริบทหรือปัญหาที่เคยเห็น เคยผ่านมา โดยปกติ คนเราในการจะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรนั้น ถ้าเราเคยมีประสบการณ์กับสิ่งนั้นๆมาก่อนเเล้วเกิดการสั่งสม เราจะเชื่อได้ง่ายกว่าเหตุการณ์ที่เราไม่เคยผ่านประสบการณ์นั้นมาก่อน ในมุมมองของละคร ในการเเสดง ถ้าในบทบาทเรานั้นถ้าเราเชื่อในตัวละครไม่ได้ บางครั้งเราก็ต้องมา "เทียบเคียงความเชื่อ" ซึ่งก็ คือ การสมมติเหตุการณ์ในละครในบทบาทของเรานั้น ให้เหมือนกับเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่เราเคยผ่านมาในชีวิต เช่น เกิดดารสูญเสีย พ่อเเม่ตี ฯ ในการฝึกความเชื่อนั้น อันนี้ฝึกยาก อาจฝึกโดยการมองเหตุการณ์ที่ตนเคยผ่านมาเเล้ว เอาใจเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ในปัจจุบันให้เหมือนกัน หรืออาจฝึกตนในวิธีการต่างๆ ฯ
มุมมองของละครเร่กับไตรธรรมนี้ เราสามารถเเยกได้ว่าอะไรเกิดอยู่ที่ไหน บันทึกนี้เป็นการมองเพียงมุมมองหนึ่ง ไตรธรรม เป็นหัวใจของทุกๆสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงประธานมาให้เรา มนุษย์ทุกๆคน "ไตรธรรม" สมัยนี้เราต้องประยุกต์ธรรมให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน
.
.
.
.
.
คิดประยุกต์ได้ดีมากครับ ขอชื่นชมไอเดีย
ขอชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ที่ควรแก่ธรรมครับ