วันที่หก

นาฬิกาชีวิตทำงานดีขึ้น รู้สึกตัวตื่นตีสาม การฟื้นตัวเช่นนี้สะท้อนถึงพลังชีวิตของเราว่าส่งผลต่อกำลังของร่างกายมากน้อยเพียงไร อาการอ่อนเพลียไม่มี สังเกตช่องท้องก่อนเลยว่า อาการท้องอืดเมื่อคืนหายหรือยัง ปรากฏว่าหายแล้ว ท้องเบาโล่ง...สบาย บ่งบอกได้ว่า ถ้าไม่ใช่จากการนั่งสมาธิภาวนา ก็น่าจะเป็นการนอนในระดับลึก หรืออาจทั้งสองอย่างผสานกัน

เสียบกระติกน้ำร้อนไว้ แล้วไปเตรียมกับข้าวถวายพระ เมนูคล้ายเดิม แต่จิตจดจ่อตั้งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม น้ำ RC หุงข้าว RC ผสมข้าวกล้องและลูกเดือย … ของหวานเผือกข้าวโพดถั่วเหลืองลูกเดือยโดยใช้น้ำเต้าหู้แทนน้ำกะทิ

จากนั้นก็ผัดหมี่ข้าวโพดเผือกและใส่เต้าหู้เข้าไปอีก

วันนี้งดการพอกตับขณะทำดีท็อก
และเปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นแต่ทำให้เจือจางลงและเติมน้ำอุ่นขึ้น

ผล…ปรากฏ
ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด ลำไส้เคลื่อนไหวดี ท้องโล่ง เบา ขับถ่ายเอาของเสียได้ดี
อาการร้อนๆ ในช่องท้องไม่มี

ทั้งวันน่าจะอาการโดยรวมดี แต่มาพลาดเมื่อตอน ๑๑ โมงที่เผลอใจไปทานซุบหน่อไม้และข้าวเหนียว ปลาทอดนิดหน่อย ต่างล้วนเป็นอาหารฤทธิ์ร้อนและแสลงต่อตับ

เกิดอาการร่างกายพยายามขับพิษออก
สอนใจตนเองเลยว่า อย่าได้ประมาทอีก บทเรียนนี้ต้องแก้ไข

พิษร้อนสะท้อนถึงการขับของเสียออกจากตับทำได้ไม่ดี
เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ตามข้อต่างๆ อาศัยตอนเที่ยงนอนสมาธิไปงีบหนึ่ง สดชื่นขึ้นมาบ้าง สังเกตเห็นความพยายามของร่างกาย...ที่พยายามเยียวยาตนเอง

ตกเย็น...นั่งพักสบายๆ ภาวนาอยู่ที่วัด
กลับมาถึงบ้านจัดการพอกตับ และตามบริเวณต่างๆ ที่รู้สึกปวด ด้วยผงถ่ายผสมดินสอพองเปลือกมังคุดและหยดน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นลงไป

เบาสบายขึ้นมาบ้าง
ฤทธิ์ร้อนถูกขับออกมา

และรีบเขียนถอดบทเรียนไว้

…
๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗