กฎหมายที่รับรองสิทธิมนุษยชนเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเป็นฉบับแรกคือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ค.ศ. 1948(UDHR) โดยรับรองไว้หลายแง่มุมไว้เป็นหลักการกว้าง เช่น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, สิทธิในชีวิตร่างกาย, สิทธิในทรัพย์สิน, สิทธิในสถานะบุคคล, สิทธิทางการเมือง, สิทธิทางเศรษฐกิจและสังคม, สิทธิเสรีภาพ ฯลฯ
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฉบับนี้ถือเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ในการวางราก ฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศฉบับแรกของโลก กฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนทุกฉบับในปัจจุบันล้วนมีพื้นฐานและได้รับการพัฒนามาจากปฏิญญาสากลฉบับนี้ทั้งสิ้น และกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนากฎหมายภายในประเทศของประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศของตน ทั้งนี้โดยที่ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของปฏิญญาสากลฯ ในฐานะแม่บทของสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจึงได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดในโลก
ปฏิญญาสากลประกอบด้วยบทบัญญัติทั้งสิ้น 30 ข้อ ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ
ข้อ 1 - 3 เป็นเกณฑ์กล่าวถึงสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเบื้องต้นที่สำคัญ 3 ประการคือ สิทธิในการดำรงชีวิต (right to life) สิทธิที่จะมีเสรีภาพ (right to liberty) และสิทธิที่จะมีความมั่งคง แห่งตัวตน (right to security of person) และเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่มนุษย์เมื่อเกิดมาพึงได้รับโดยเท่าเทียมกันและไม่มีการเลือก ปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา
ข้อ 4 - 21 ได้กล่าวถึงสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (civil and political rights)
ข้อ 22 - 27 ได้กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (economic, social and cultural rights) ได้พึงได้รับการยอมรับซึ่งสิทธิทั้งสองด้านได้มีอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดและการคุ้มครองไว้
ข้อ 28 - 30 กล่าวถึงทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อระเบียบสังคมและประชาชนระหว่างประเทศที่มีการรับรองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพื้นฐานกล่าวคือ อยู่ภายใต้กฎหมายที่รับรองสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น
สำหรับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่มีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเป็นแม่แบบนั้นได้แก่[2]
ไม่มีความเห็น