ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำหนดหลักการทั่วไปและมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน แต่ไม่มีพันธะผูกพันในแง่กฎหมายระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมสมัชชา สมัยที่ 3 (ค.ศ.1948) ได้รับรองและประกาศปฏิญญาสากล ฯ โดยการลงคะแนนเสียง (สนับสนุน 48 ประเทศ รวมทั้งไทย ไม่มีเสียงคัดค้าน งดออกเสียง ได้แก่ ยูโกสลาเวีย โปแลนด์ ซาอุดีอาระเบีย เช็คโกสโลวาเกีย แอฟริกาใต้ สหภาพโซเวียต และยูเครน)
ปฏิญญาสากลประกอบด้วยบทบัญญัติทั้งสิ้น 30 ข้อ ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ
ข้อ 1 - 3 เป็นเกณฑ์กล่าวถึงสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเบื้องต้นที่สำคัญ 3 ประการคือ สิทธิในการดำรงชีวิต (right to life) สิทธิที่จะมีเสรีภาพ (right to liberty) และสิทธิที่จะมีความมั่งคง แห่งตัวตน (right to security of person) และเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่มนุษย์เมื่อเกิดมาพึงได้รับโดยเท่าเทียมกันและไม่มีการเลือก ปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา
ข้อ 4 - 21 ได้กล่าวถึงสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (civil and political rights)
ข้อ 22 - 27 ได้กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (economic, social and cultural rights) ได้พึงได้รับการยอมรับซึ่งสิทธิทั้งสองด้านได้มีอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดและการคุ้มครองไว้
ข้อ 28 - 30 กล่าวถึงทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อระเบียบสังคมและประชาชนระหว่างประเทศที่มีการรับรองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพื้นฐานกล่าวคือ อยู่ภายใต้กฎหมายที่รับรองสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น
ปัจจุบัน ประชาคมระหว่างประเทศถือว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป็นเอกสารหลักเริ่มแรกที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งในการกำหนดสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ ที่ควรได้รับการส่งเสริมและคุ้มครอง ทั้งยังเป็นจุดกำเนิดของตราสารปฏิญญาด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆในเวลาต่อมา
กล่าวโดยสรุป สาระสำคัญในปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ.1948 นั้นคือมีการรับรองสิทธิของปัจเจกบุคคลมากขึ้นโดยเป็นการตกลงร่วมกันของประเทศสมาชิกจากนานาประเทศในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของบุคคลในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม เป็นต้น รวมไปถึงการป้องกันมิให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือรัฐใดรัฐหนึ่งใช้อำนาจโดยมิชอบ อันจะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น จากจุดนี้ทำให้ผู้เขียนเห็นว่าปฏิญญาฯฉบับนี้มีจุดประสงค์หลักในการให้อิสระแก่ปัจเจกชนอย่างเต็มที่ กล่าวคือบุคคลย่อมสามารถทำการใดก็ได้ ตราบเท่าที่การนั้นจะไม่ขัดหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นนั่นเอง
ที่มา http://www.lexilogos.com/declaration/thai.htm
ไม่มีความเห็น