มนุษย์เมื่อเกิดมาย่อมมีสิทธิ เสรีภาพ และ ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ สิทธิมนุษยชนได้รับรองไว้ ซึ่งปฏิญญาสากลว่า ด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 1 ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรี และ สิทธิ จึงทำให้มนุษย์ทุกคน เมื่อเกิดมา จึงเป็นผู้ทรงสิทธิในเสรีภาพ
เมื่อได้ศึกษา จากกรณีของ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย [1] ที่ กำลังถูกศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) มีคำสั่งเนรเทศออกจากประเทศไทย เนื่องจากเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำผิดต่อความมั่นคงของประเทศไทย นั้น จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า การแสดงความคิดเห็นของคนต่างด้าวในประเทศไทยจะสามารถทำได้หรือไม่
ซึ่งตามความเห็นข้าพเจ้าถือว่า การปราศรัยบนเวทีเป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญ [2] ได้บัญญัติรับรองไว้ตามมาตรา45 วรรค 1“บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น” ดังนั้นการปราศรัยแสดงความคิดเห็นย่อมเป็นเสรีภาพที่สามารถทำได้ และเป็นไปตามมาตรา45วรรค 2 “การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน” ซึ่งการที่นายสาธิต ขึ้นแสดงความคิดเห็นเป็นการใช้เสรีภาพของตนเอง สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามก็เกิดความเห็นอื่น ตามมาว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา45นั้น อยู่ในหมวด3 ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ดังนั้นมาตราทั้งหมดในหมวด3 จะใช้บังคับแก่คนต่างด้าวมิได้ แต่ในกฎหมายระหว่างประเทศ จากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง[3] ข้อ 19 ได้มีการรับรองว่า
1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะถือเอาความเห็นใดก็ได้โดยปราศจากการแทรกแซง
2. บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและกระจายข่าวและความคิดเห็นทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยวาจาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือการตีพิมพ์ ในรูปของศิลปะหรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ประสงค์
3. การใช้สิทธิตามที่บัญญัติในวรรค 2 ของข้อนี้ ต้องเป็นไปโดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงอาจตกอยู่ใต้ข้อจำกัดตัดทอนบางเรื่องแต่ทั้งนี้ต้องบัญญัติไว้ใน กฎหมายและเป็นเรื่องจำเป็นแก่
(ก) การเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น
(ข) การรักษาความมั่นคงของชาติ หรือความสงบเรียบร้อย หรือการสาธารณสุขหรือศีลธรรม
จากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองข้อ19 ยิ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าสิ่งที่นายสาธิตกระทำนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แม้ว่าจะเป็นคนต่างด้าวก็ตาม การแสดงความคิดเห็นในประเทศไทย ไม่ใช่เพียงคนชาติไทยเท่านั้นที่สามารถทำได้ คนต่างด้าวก็สามารถทำได้ มีเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง หรือเรื่องอื่นใดก็ตาม เพราะสิทธิในการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมี และจะถูกจำกัดจากผู้ใดมิได้
เขียนเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2557
อ้างอิง
[1] ปัญหาสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยจากพม่าและผลกระทบต่อประเทศไทย
http://www.isranews.org/investigative/investigate-...
[2] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
http://www.ombudsman.go.th/10/documents/law/Consti...
[3] กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=30040
ไม่มีความเห็น