เศรษฐกิจพอเพียงกับชีวิต


การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่ 1. การดำรงชีวิตที่สมดุลมีความสุขตามอัตภาพ 2. การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาติมั่นคง 3. การอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดวามเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน

    เมื่อครั้งที่ฉันได้รับมอบหมายให้สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ฉันต้องตกม้าตายทุกทีเมื่อต้องมาเจอ "เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง"

เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะว่่ามันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับครูรุ่นใหม่ๆที่ไม่เคยย่างใกล้กับเรื่องพวกนี้นะสิ..

และแล้วมันก็ส่งผลต่อการสอนของฉันจริงๆ เมื่อผลการทดสอบระดับชาติและระดับต่างๆของนักเรียนของฉันมีผลการเรียนต่ำ ในสาระนี้ติดต่อกันหลายปี ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ชีวิตรอดพ้นวิกฤติ ที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของชาติ และอนาคตของฉันเอง..ว่าแล้ว..ฉันก็เริ่มศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง..มาตามดูนะคะ..ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง

ช่วงแรกๆ เหนื่อยมากๆ ทำไปไม่เข้าใจ น้ำก็ขาดแคลน พืชผลที่ลงทุนไป ไม่ได้เลย นอกจากพริกกับ มะเขือ ชะอม เล็กๆน้อย พอให้เพื่อนบ้านมาเก็บไปกิน

  1. ช่่วงแรกๆมีปัญหาเรื่องน้ำ.ทำอะไรไม่ค่อยได้ผล เลิกงานต้องห้ิวน้ำรดจนแขนหลุดไปพักหนึ่ง
  •                                                         เริ่มขุดสระกักเก็บน้ำ เมื่อปีที่ 2 ผ่านไป เลี้ยงปลา สองสามชนิด      

จัดสวนให้เข้ารูปเข้าทางมีโรงเห็ดขนาดเล็กๆ 

.....เช้านี้สำรวจโรงเห็ดนางฟ้า กำลังจะได้รับผลผลิต รอบๆโรงเห็ดมีต้นลำไย และมะม่วง พอได้ร่มเงา..

     นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จากที่ีไม่ชอบที่จะเข้าไร่เข้าสวน ฉันเริ่มปลีกและให้เวลากับตัวเองศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น ปรัชญา ความเป็นมา กรอบแนวคิด และ วิธีการประยุกต์ใช้ การลองผิดลองถูก เหนื่อยกับงานประจำแล้ว มาขลุกกับสวน กับคนงาน ทั้งๆที่พื้นที่ที่ให้ฉันทดลองมีแค่ไม่ถึง สองไร่ รวมทั้งรอบๆบ้านด้วย ฉันเริ่มต้นเล็กๆน้อยๆ ปีแรกๆ ฉันทุ่มเงินลงไปจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้ผลอะไรเลย จนเข้าปีที่สอง ที่สาม ผลผลิต ที่ได้ลงแรงทำไป เริ่มให้ผลตอบแทน เห็นแล้วอดยิ้มแบบภูมิใจไม่ได้ นี่กระมัง แนวคิดของในหลวง ของคนไทยเรา ท่านเก่งนะ ที่คิดสิ่งแบบนี้ได้ " การพัฒนาประเทศต้องพัฒนาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความมั่นคง และยั่งยืน " เราถึงบางอ้อ..ก็ตอนนี้ นี่เอง..

  1.   ใส่น้ำ และปุ๋ย ...มะไฟหวาน..
  2. มะไฟกำลังสุกปีนี้ ปลูกไว้ใกล้บ้านเป็นทั้งร่มเงา ทั้งอาหาร ทั้ง ไม้ประดับ เย็นตาเย็นใจ เหลือได้แบ่งปันเพื่อนบ้าน

     

 คำนิยาม วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2540 ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ทรงคุณค่ามากที่สุดที่เป็นผลมาจากภัยคุกคามของโลกยุคที่ 3 ที่ส่งผลความเสียหายอย่างมากมายมหาศาลโดยตรงต่อประเทศไทย ทำให้เกิดกระแสในการที่คิดจะน้อมนำเอาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประพฤติปฏิบัติ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต นักวิชาการ รวมทั้งนักธุรกิจและประชาชนต่างก็เกิดความตื่นตัวในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และมีความเห็นพ้องต้องกันว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้และมีบทบาทนำในการพัฒนาประเทศ แทนที่จะปล่อยให้การเน้นวัตถุเป็นผู้นำอีกต่อไป เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำมนุษย์ชาติสู่แนวทางพัฒนาสังคมใหม่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งต่อการทำให้โลกน่าอยู่อย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันมนุษย์ได้พัฒนาการทางกายสูงสุดแล้ว หากยังทุ่มพัฒนาด้านนี้ต่อไป ก็ไม่สามารถสร้างผลประโยชน์คุ้มค่าพอที่จะชดเชยกับปัญหาที่ตามมาและกับสิ่งที่สังคมต้องสูญเสียไป ขณะที่มนุษย์ยังอยู่ห่างไกลจากวิวัฒนาการทางจิต ช่องว่างและโอกาสของการพัฒนาทางด้านนี้จึงมีอยู่มาก แนวทางพัฒนาที่ยกระดับคุณภาพจิตมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากแนวพัฒนาเดิมแบบตะวันตกที่เน้นการเจริญเติบโตทางวัตถุ หากมนุษย์ทุ่มเทพัฒนาจิตอย่างจริงจัง ย่อมเรียนรู้ความจริงแท้ของธรรมชาติ และสามารถนำกฎธรรมชาติมาเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคมได้ ซึ่งแนวพัฒนาตามธรรมชาตินี้ จะสำเร็จได้ต้องอาศัยหลักพุทธศาสนาที่ใช้กฎธรรมชาติเป็นรากฐานของการพัฒนาจิต อันเป็นแนวทางยกระดับคุณภาพชีวิตที่แท้จริง

ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (2545-2549) ได้มีการระดมความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเพื่อการกำหนดกรอบวิสัยทัศน์และทิศทางของแผนพัฒนาฯฉบับที่ 9ปรากฏว่าได้มีวิสัยทัศน์ร่วมกันให้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญานำทางในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาและมีวัตถุประสงค์หลักคือ การปรับโครงสร้างการพัฒนาประเทศให้เข้าสู่ดุลยภาพ โดยเปลี่ยนกระบวนการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการพัฒนาในเชิงปริมาณมาสู่การพัฒนาในเชิงคุณภาพควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นธรรมในสังคม และความสามารถก้าวทันโลกที่จะอำนวยประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยมียุทธศาสตร์ในการพัฒนา 3 กลุ่มหลักได้แก่

1. การปฎิรูประบบบริหารจัดการให้เกิดธรรมาภิบาล ในทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อขจัดการทุจริตการประพฤติมิชอบ

2. การสร้างฐานรากของสังคมให้เข้มแข็งและรู้เท่าทันโลกโดยมุ่งพัฒนาคนครอบครัว ชุมชนและสังคม เป็นแกนหลัก โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพคน และกระบวนการเรียนรู้ ความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมและระบบคุ้มครองทางสังคมในรูปแบบต่างๆ

3. การปรับตัวทางเศรษฐกิจให้เท่าทันโลกและเศรษฐกิจยุคใหม่หรือเศรษฐกิจยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้สามารถแข่งขันและร่วมมือได้บนพื้นฐานการพึ่งตนเอง

      ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไร

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

      เศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร

เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง

(Self Sufficiency)อยู่ได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่น ซึ่งต้องสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อนมีความพอกินพอใช้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถ สร้างความเจริญก้าวหน้าและฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศได้

     ใครที่สามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติได

เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปรัชญาที่ทุกๆ คน สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านเอง นักเรียน เกษตรกร ข้าราชการและประชาชนทั่วไป ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน สถาบันต่างๆ ทั้งนอกภาคการเกษตรและในภาคการเกษตร สามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดังกล่าวไปปฏิบัติ เพื่อดำรงชีวิตและพัฒนาธุรกิจการค้าได้จริง

      หลักการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

ทางสายกลาง และความไม่ประมาทโดยคำนึงถึงหลักการ 3 ประการ ดังนี้

1. ความพอประมาณ

2. ความมีเหตุผล

3. การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว

โดยการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความรู้ และคุณธรรม
ตลอดจนต้องเป็นคนดี มีความอดทน พากเพียร

ความมีเหตุผล  หมายถึง  การตัดสินใจอย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักศีลธรรมจริยธรรม

ความพอประมาณ หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจอย่าง
พอเพียงตามความสามารถ และศักยภาพของตนที่มีอยู่ และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม
ตลอดจนพึงนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ

         

การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว เป็นการเตรียมความพร้อม ความรู้ ที่จะรับผลกระทบ และ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง

 ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย

การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

1. ยึดหลักประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน ลด ละ ความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีวิต
2. ประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพ
3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ที่รุนแรงและไม่ถูกต้อง

4. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยขวนขวายหาความรู้ ให้เกิดรายได้เพิ่มพูน
จนถึงขั้นพอเพียง

5. ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป

 ประหยัด ขาย ใช้ใหม่..

5. การดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดผลอย่างไร

การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่

1. การดำรงชีวิตที่สมดุลมีความสุขตามอัตภาพ

2. การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาติมั่นคง

3. การอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดวามเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน

                                                  

นอกจากนี้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ปฏิเสธการเป็นหนี้สิน การกู้ยืมเงินแต่เน้นการบริหารความเสี่ยง คือ แม้ว่าจะกู้ยืมเงินมาลงทุน ก็เพื่อดำเนินกิจการที่ไม่ก่อให้เกิด
ความเสี่ยงมากจนเกินไปแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามไม่ให้ลงทุนหรือขยายธุรกิจ
แต่เน้นให้ทำธุรกิจที่ไม่ให้เสี่ยงมากเกินไปควรลงทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

ลักษณะของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่ใช้คุณธรรมกำกับความรู้

2. เป็นการพัฒนาตนเอง ครอบครัว องค์กร สังคม ประเทศชาติให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับความสมดุล มั่นคง ยั่งยืน

3. เป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติ

* เพื่อให้คนส่วนใหญ่พอมี พอกินพอใช้ สามารถพึ่งตนเองได้

* เพื่อให้คนกับคนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

* เพื่อให้คนกับธรรมชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ยั่งยืน และให้แต่ละคนดำรงตนอย่างมีศักดิ์ศรีและรากเหง้าทางวัฒนธรรม

ขอบคุณสาระดีๆ จากทุกเวป ทุกท่าน..ที่ทำให้ข้าพเจ้า เข้าใจในเรื่องนี้และ รู้สึกพอมี พออยู่ พอกิน ตามแนวพระราชดำรัส อย่างแท้จริง รวมทั้งสามารถนำไปปฏิบัติและสอนนักเรียนได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น..รู้สึกมีความสุขมากๆค่ะ..เชิญชวนทุกท่านลองทำดูนะคะ..เห็นผลจริงๆค่ะ...ตอนนี้ที่บ้านกลายเป็นแหล่งชุมนุมของเพื่อนบ้าน ช่วงเดือนเมษาหน้าร้อน พวกเราจะไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ในสวน เด้กๆวิ่งเล่นกันเจี้ยวจ้าว..เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งจริงๆค่ะ

เก็บมะม่วงสุกให้คุณย่ากินกับข้าวตอนเช้าๆจ้า..

หมายเลขบันทึก: 566820เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2014 19:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2014 19:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท