.ใครก็ได้ มาช่วยกันเพิ่มความเร็ว ของความรู้ สมุนไพร ชุดกู้ชาติไทย ตรีผลา กับ ภาวะเหล็กเกิน ธาลัสซีเมีย


เป็นข่าวดี ของผม เกี่ยวกับ สมุนไพร ลดเหล็กเกิน ใน ผป . ธาลัสซีเมีย

 

เคยรู้มาว่า ชุดงานพัฒนาพื้นที่สูง ของโครงการหลวง  ส่งเสริมการปลูกมะขามป้อม แล้วต้องส่งไปขายราคาถูก ที่ตลาดไท 

ที่รู้ เพราะว่า สามีพยาบาลท่านหนึ่ง ทำงานโครงการนี้ ตั้งแต่ ส่งเสริม การปลูก จนประสานงาน การส่งขาย

 

ในอีกฝากหนึ่ง  ของแพทย์ไทยสมัยใหม่  หมอโรคโลหิตวิทยา ที่เราเรียนตามๆ ฝรั่งกันมาตลอด   อย่างน่าสงสารคนไทย มากๆ  เราต้องใช้ยาราคาแพงในการรักษาเหล็กเกิน  ทั้งยาฉีด และ ยารับประทาน  

 

แต่ยังพอมีบุญบ้าง ที่องค์การเภสัชกรรม ไทย  สมัย พี่หมอวิทิต  ผลิตยาเลียนแบบ ราคาถูกลง  ในการขับเหล็กเกิน แต่ยาฝรั่งที่ใช้ทานขับเหล็กเกินนี้ ก็มีพิษ หรือ อาการข้างเคียงอยู่บ้าง  ราคาค่าใช้จ่าย ต่อวัน ประมาณ 10-20 บาท ใช้ยา  3-6 เม็ด ต่อวัน

 

ดูเหมือนว่า ยานี้ สงวนให้แพทย์เฉพาะ ทางโลหิตวิทยา ใช้เท่านั้น   แพทย์ รพ. อำเภอ ไม่มีโอกาส ใช้กับ ผป ธาลัสซีเมีย ที่ยากจน เพราะมีความยากลำบาก ในการไป ตรวจติดดามรับยา กับ โรงพยาบาลศูนย์   ทั้งๆที่ ผป มีจำนวนมากพอสมควร  

และทาง  รพ อำเภอ จะต้องรับภาระ ค่ายาฝรั่ง ราคาสูง นี้ เพื่อประโชน์ ผป  บางราย ที่ มีกำลังสู้ค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง พร้อมญาติ ไป รพศ. 

สำนักงานหลักประกันสุขภาพ ครั้งหนึ่งก็เคยสนับสนุนยา ตาม มาตรฐานฝรั่ง ให้ แพทย์ รพ ใหญ่ ได้ใช้  ยานี้  แต่ แพทย์ รพ อำเภอ ไม่ให้ใช้ยานี้ ประมาณว่า  รพ เล็กไป    ยาใหม่ ต้องใช้กับ รพ ใหญ่ 

ที่อำเภอ แจ้ห่ม  มีผป ธาลัสซีเมีย มาก ตามลักษณะเมืองเหนือ และ อีสาน และ เป็นวิบากของ  ผป และระบบสุขภาพ ในการรักษาตัว และ ค่าใช้จ่ายยา

เคยปรึกษา อาจารย์แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ธาลัสซีเมีย ระดับ ประเทศ  ก็ได้ข้อมูล ทำนอง ไม่มีหลักฐานมากพอ ในการใช้สมุนไพร กับ ผป. ธาลัสซีเมีย

เมื่อมี ผป  เดินทางต่อไปหา หมอโรคเลือด ไม่ได้ เพราะยากจนลำบากมาก   จึงเกิด ปฎิบัติการ ทดลองกู้ชาติ ด้วย สมุนไพร ง่ายๆ ตัวหนึ่งคือ  มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก    และ กรณี ยารวมกัน เรียก ตรีผลา

ตรีผลา เป็นยาเทวดา ของ ชาติไทย  และ อินเดีย   ผมมีเสียงกระซิบ บอก ให้ปลูก ขยาย ไว้เป็นยาสงเคราะห์คนไทย  ปลุกไว้หลายต้น ตั้งแต่ ย้ายมาอยู่แจ้ห่ม ลำปาง

จึงเริ่มขั้นตอนที่ หนึ่ง   สืบค้น ข้อมูล นักวิจัย อินเดีย รายงานผลการลดเหล็กเกินในเลือด ด้วยสมุนไพร  และ ก็มีจริง และ ก็เป็นตรีผลา จริง อีกเช่นกัน

ขั้นตอนที่ สอง  ตั้งบประมาณ ส่วนตัว  ซื้อ ยาให้ ผป รับประทาน  เพราะยานี้ หากซื้อเอง ได้ส่วนลด มากกว่า ซื้อแบบราชการ

ขั้นตอนที่ สาม   เชิญผป  มาร่วมโครงการ  ทานสมุนไพร ลดภาวะเหล็กเกิน  โดยระดับ serum ferritin  ยืนยันว่า เหล็กเกิน จริง  และ สนับสนุน จัด ยาสมุนไพร ให้ ผป ได้รับประทาน   บันทึกเวชระเบียน  และ ติดตาม เยี่ยมบ้าน ผป  

เริ่มจาก ขนาดยา ปานกลาง คือ วันละ สองกรัม  แบ่งให้ หนึ่งกรัม  ก่อนอาหาร เช้า เย็น   

ติดตาม ตรวจเลือด หนึ่ง เดือน ระดับ serum ferritin ลดลง  มาก พอควร   จึงลองส่งข่าวถึง อาจารย์ ที่เคารพ ท่านหนึ่ง คณะเภสัช มหิดล  ในฐานะที่ท่านให้ความรู้ผม หลายอย่าง ให้ตำรา และ ท่านก็วิจัยเกี่ยวกับ ยาตรีผลา   ผลออกมา สนุกมาก คือ อาจารย์ผู้ใหญ่ ของ คณะท่านหนึ่ง ระดับบริหาร มองไม่เห็นโอกาสงาม ในการช่วยพัฒนางานวิจัย  ท่านบอกว่า คงบังเอิญ  ต้องหาตัวอย่างผป จำนวน มากๆ   มาพิสูจน์

สำหรับผม    มันคงบังเอิญ เรารู็น้อย  ขวนขวายน้อย มากกว่า     ที่ปล่อยโอกาส ความรู้หลุดลอย  ล่าช้า มานาน   อินเดียเขาวิจัยทดสอบ ในหนูที่ควบคุมการกินอาหาร  ให้สมุนไพร ตรวจเลือดติดตาม มาหลายงานวิจัยแล้ว   เราคนไทย มั่วแต่ตามก้นฝรั่งไปได้  ฝรั่งไม่ทำ เราไม่ทำ

แต่ความจริง มีทีมหมอ เชียงใหม่ สนใจ ใช้สมุนไพรลดเหล็กเกิน  และ วิจัย รายงานผล วิจัย มาแล้ว น่ายกย่องมาก

งานวิจัย อินเดีย บอกว่า สมุนไพรนี้  มีฤทธิ์จำกัด  เมื่อถึงจุดหนึ่ง ถึงให้ยาขนาดสูงไปอีก ก็ผลไม่สูงขึ้นแล้ว

ผมใช้เวลา สองเดือน กับ ค่ายา วันละ  สาม บาท รวม 180 บาท   ลดระดับเหล็กเกิน ให้ผป ได้   จาก serum  ferritin 4000  ลดเหลือ 3000 

ขั้นตอน ต่อไป  คือ จะศึกษา ลงรายละเอียด ยิ่งขึ้น ว่า   จากเดิม ใช้ยา  สองเม็ด เช้าเย็น เป็นตัวตั้งต้น  หากปรับยา เป็น หนึ่งเม็ด สอง เวลา   และ หนึ่งเม็ด สามเวลา    จะยังคงได้ผล เป็นอย่างไร

เรื่องนี้มีส่วนช่วย ผป  ได้มาก  และช่วยประเทศชาติได้มาก  แต่การทำให้หมอไทย เชื่อตาม เป็นเรื่องยาก    หมอไทยเรา มักจะไม่กล้า สร้างหลักฐานใหม่ ด้วยตนเอง จะรอผลการวิจัย ของคนอื่นๆ มายืนยัน   แทนที่เราจะช่วยกัน สร้างหลักฐาน ตามโอกาส อำนวย

บทเรียน ปีนี้ สำหรับผม  การเป็นแพทย์ชนบท ที่มี ทรัพยากร หลายย่างจำกัด  อย่างมาก  ไม่ได้เป็น อุปสรรค มากนัก ที่จะฝึกฝนเรา ทำงาน หาความรู้  และ ใช้สมุนไพร อย่างสง่ามาม เพื่อ ผป  และ  สร้างความมั่นคงของระบบสุขภาพ ด้วย สมุนไพร ที่ดี ราคาไม่แพง ปลูกเองได้

ความฝัน ต่อไป  ที่ยากขึ้น  หลักจากผมปลูก ต้นไม้กลุ่มนี้ ที่สวน บริเวณบ้านไปแล้ว คือ การ ชวนคนอื่นปลุก ในเขตชุมชน  และ การปลูก ในโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้ ของผม  

ทำให้คิดถึง โรงพยาบาลแรกเริ่มที่ผมทำงาน ในชีวิตราชการ เมื่อ ปี 2529 คือ โรงพยาบาลเขาชัยสน  จังหวัดพัทลุง     ผมกับ เพื่อนแพทย์ คือ คุณหมอ พิชิต  ปิยานนท์พงศ์  ชักชวน ทีมงานเจ้าหน้าที่ ปลูกต้นไม้ สมุนไพร ใน โรงพยาบาล ในทุ่งหญ้าคา ภายใน โรงพยาบาล เมื่อปี 2530   เพื่อให้เกิดความร่มรื่น  ลดปริมาณ งานการตัดหญ้ารกของคนสวน  และ เพิ่มต้นไม้สมุนไพรไว้ให้กับ โรงพยาบาล  เมื่อผมย้าย  ไปทำงานที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ปี 2539 ทีมงาน รพ เขาชัยสน ได้ฝาก ผลสมอ มา ให้ 1 กระสอบ ไว้ทำยา   เขาบอกผมว่า ต้นไม้เหล่านั้น ทำให้โรงพยาบาลร่มรื่น ให้ลูกให้ผลจำนวนมากทีเดียว   แต่สมัยนั้นเรายังมีความรู้น้อย ไม่ชัดเจนวา จะทำยาแก้โรคอะไรดี  มาถึงวันนี้ เรารู้มากขึ้น

ขอให้เราคนไทย ฉลาดใช้สมุนไพร ดีดี   เพื่อความมั่นคงของเราและ ของชาติไทย    ไม่แพ้การใช้ยาฝรั่ง

ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 566116เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2014 12:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน 2014 12:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบพระคุณคุณหมอมากๆครับที่ให้คำแนะนำคุณแม่ของผม ขอให้คุณหมอมีความสุขปีใหม่ไทยและทุกๆวันครับผม

Is it because Thais love 'easy' (things) -- to do 'work' to prove things is 'hard'.

Talk is cheaper! ;-)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท