ผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 มีคำนิยาม และความหมายของสถานภาพผู้ลี้ภัยว่า ผู้ลี้ภัย หมายถึง บุคคลที่จำเป็นต้องทิ้งประเทศบ้านเกิดของตนเอง เนื่องจากความหวาดกลัวการถูกประหัตประหารหรือได้รับการคุกคามต่อชีวิตเนื่องจากสาเหตุข้อหนึ่งข้อใด เช่น เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติสมาชิกภาพในกลุ่มทางสังคม สมาชิกภาพในกลุ่มความคิดทางการเมือง
ผู้หนีภัยความตาย คือ ผู้หนีภัยที่เกิดกับชีวิต ทั้งภัยโดยตรง และโดยอ้อม
กว่าสิบปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะมีผู้หนีภัยความตายจากประเทศพม่าเข้ามาอาศัยจำนวนหลายแสนคน แต่เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ลงนามเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย ทำให้การให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัย ความตายในประเทศไทยไม่ได้ดำเนินไปตามมาตรฐานระดับสากลนอกจากนี้ สังคมไทยส่วนใหญ่ยังคงขาดความเข้าใจในเรื่องสิทธิของผู้หนีภัยความตายจนนำไปสู่การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือละเมิดสิทธิผู้หนีภัยความตายและเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัยพ.ศ. 2494 และไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย หรือกระบวนการที่ใช้งานได้เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ขอลี้ภัยประเทศไทยถือว่า ผู้ลี้ภัยทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ของค่ายผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่กำหนดไว้นั้นเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศโดยผิดกฎหมาย
กลุ่มผู้หนีภัยความตายที่อยู่ในประเทศไทยมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่อยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยความตายที่อยู่ในค่ายนี้จะได้รับความดูแลจากรัฐบาลไทย ยูเอ็นเอชซีอาร์ เอ็นจีโอทั้งไทยและต่างประเทศ และกลุ่มที่อยู่นอกค่ายพักพิงชั่วคราว
ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัย หรือผู้หนีภัยความตายก็ตามต่างก็เป็นมนุษย์กันทุกคน ดังนั้นหากพิจารณาในเรื่องของสิทธิมนุษยชนแล้ว ทุกคนควรมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน จึงไม่ได้มีความแตกต่างที่ผู้ลี้ภัย หรือผู้หนีภัยความตายจะได้สิทธิต่างๆ เช่นเดียวกับประชาชนในรัฐนั้น เช่น สิทธิการเดินทางโดยเสรี ในประเทศและหากต้องการเดินทางไปต่างประเทศ รัฐที่ดูแลผู้ลี้ภัยอยู่ก็ต้องออกเอกสารเดินทางให้ รวมไปถึงสิทธิทางการศึกษาและสิทธิอื่น ๆ
ปัญหาสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัย และผู้หนีภัยความตายมีหลายประการ ในที่นี้ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงปัญหาที่สำคัญ 3 ประการ
เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเหล่านั้นไว้ ดังต่อไปนี้
1. ควรมีการกำหนดแผนนโยบายยุทธศาสตร์ผู้หนีภัยความตาย เพื่อนำไปสู้การป้องกันผู้หนีภัยความตายมิให้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน อันจะเป็นการตอกย้ำหรือซ้ำเติมปัญหาที่พวกเขาเหล่านั้นได้เผชิญอยู่แล้ว นอกจากนี้ การกำหนดแผนนโยบายยุทธศาสตร์ผู้หนีภัยความตายให้มีความชัดเจน แยกออกจากผู้หลบหนีเข้าเมือง จะเป็นการป้องกันปัญหาความไม่มั่นคง อันเกิดจากการขาดนโยบายที่ชัดเจน สำหรับการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยความตายในประเทศไทย โดยยึดหลักความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งหากคนที่อยู่ในประเทศไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ประเทศย่อมมีภูมิคุ้มกันปัญหาความไม่มั่นคงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
2. สังคมควรมีการตระหนักถึงคุณค่า และหลักการเคารพสิทธมนุษยชนในประเทศไทย รวมทั้งตระหนักในความสำคัญของการมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย อันจะนำไปสู่การเกิดความมั่นคงทางมนุษย์ขึ้น โดยลดการแบ่งแยกระหว่างชาติพันธุ์ และสถานะบุคคลทางกฎหมาย
3. ปัจจุบัน โครงสร้างทางการบริหารจัดการ สำหรับผู้หนีภัยการตายนั้น ได้ดำเนินการโดยศูนย์ปฏิบัติการผู้พลัดถิ่น กระทรวงมหาไทย ซึ่งสามารถนำมาปรับปรุง และประยุกต์เพิ่มเติม เพื่อกำหนดกรอบการปฏิบัติงานที่ชัดเจน มีกฎหมายรับรอง และควบคุมนโยบายจากสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ
4. ประเทศไทยควรจะให้โอกาสที่เป็นธรรมแก่ผู้ขอลี้ภัยทุกคนให้สามารถขอลี้ภัย และควรจะอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยสามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่ต่างๆ และสามารถทำงานได้ โดยนโยบายเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ลี้ภัยสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆ และลดโอกาสที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ ขณะเดียวกันก็จะเปิดทางให้พวกเขามีส่วนทำประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของไทยด้วย
[1] http://www.mfa.go.th/humanrights/images/stories/crct.pdf เข้าถึงวันที่ 7 เมษายน 2557
ที่มา
1.ร่างยุทธศาสตร์ผู้หนีภัยความตาย,นายพงษ์เทพ ยังสมชีพ,http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=126&d_id=126 เข้าถึงวันที่ 7 เมษายน 2557
2. ประเทศไทย: นโยบายผู้ลี้ภัยที่เฉพาะหน้า และไม่เพียงพอ, http://www.hrw.org/node/110102 เข้าถึงวันที่ 7 เมษายน 2557
3.ยูเอ็นเอชซีอาร์ร่วมระลึกถึงโอกาสครบรอบ60ปีของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย, https://www.unhcr.or.th/th/news/general/697 เข้าถึงวันที่ 7 เมษายน 2557
ไม่มีความเห็น