การใช้ประสาทสัมผัสในเด็กปฐมวัย
'รูป รส กลิ่น เสียง กายสัมผัส' หรือประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในระดับปฐมวัย จำเป็นต้องได้รับการฝึกใช้ประสาทสัมผัสดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมในการศึกษาเรียนรู้ในระดับต่อไป
บันทึกนู๋เก่งในครั้งนี้ขอแนะนำกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องประสาทสัมผัสทั้ง 5 สำหรับเด็กวัยอนุบาลถึงประถม 1 เพื่อฝึกการใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ และเรียนรู้ถึงการทำงานของ ตา หู จมูก ปาก และมือ ซึ่งเป็นอวัยวะของประสาทสัมผัสเหล่านี้
การรู้จักใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างเต็มศักยภาพ จะนำเด็กไปสู่การเรียนรู้สรรพสิ่งต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนด้วยวิธีแบบวิทยาศาสตร์ ที่เด็กจะต้องรู้จักสังเกตด้วยตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส
กิจกรรม 10 รูปแบบที่เต็มไปด้วยความสนุกและเพลิดเพลินต่อไปนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเด็กไปสู่การฝึกฝนการใช้ประสาทสัมผัสของตนเอง โดยครูสามารถเลือกใช้บางส่วนหรือทั้งหมด หรืออาจนำไปประยุกต์ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพของเด็กและโรงเรียน
อะไรอยู่ในกล่อง การนำสิ่งของชนิดต่างๆ ใส่ไว้ในกล่อง แล้วให้เด็กทายว่าของในกล่องคืออะไร เป็นการทดลองเพื่อฝึกประสาทสัมผัสในส่วนของการได้ยิน กิจกรรมนี้ทำได้ง่ายๆ แต่สนุกสนานมากสำหรับเด็ก เพียงแค่เตรียมกล่องเปล่า กระป๋อง หรืออุปกรณ์สำหรับบรรจุสิ่งของต่างๆ จากนั้นใส่สิ่งของเข้าไปในกล่องโดยไม่ให้เด็กเห็น เขย่ากล่อง แล้วให้เด็กแต่ละคนทายว่าอะไรอยู่ในกล่องด้วยการเดาจากเสียงที่ได้ยิน ครูอาจให้เด็กจับคู่แล้วสลับกันถามตอบก็ได้
กลิ่นอะไรเอ่ย กิจกรรมนี้จัดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสการรับกลิ่น โดยให้วางก้อนสำลีไว้ในถ้วย จากนั้นหยดน้ำที่ผสมกลิ่นต่างๆ ลงแต่ละถ้วย เช่น กลิ่นวนิลา ส้ม มะนาว กาแฟ หรือกลิ่นอะไรก็ได้ที่ปลอดภัยในการสูดดม ให้เด็กดมกลิ่นในแต่ละถ้วย แล้วบอกว่าเป็นกลิ่นอะไร
อะไรหายไป เกมนี้ส่งเสริมการใช้สายตาหรือการมองเห็น เด็กๆ สามารถเล่นเกมนี้ได้ง่าย เพียงแค่ครูย้ายสิ่งของออกจากห้องเรียนในขณะที่เด็กไม่เห็น แล้วให้เด็กแต่ละคนค้นหาสิ่งของที่หายไปจากห้อง โดยครูคอยบอกใบ้ให้ว่าของที่หายไปมีลักษณะอย่างไร เช่น ทรงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม หรือมีลักษณะอื่นๆ แล้วให้เด็กนึกทบทวนคำตอบจากภาพที่เคยเห็น
ชอบโอวัลตินหรือไมโล เป็นการทดสอบประสาทสัมผัสลิ้น เพียงแค่ให้เด็กดื่มเครื่องดื่มประเภทเดียวกัน แต่ต่างยี่ห้อ เช่น โอวัลติน และไมโล โดยไม่ให้เด็กบอกว่าชอบโกโก้ยี่ห้อไหนมากกว่ากันก่อนที่จะได้ลิ้มลองรสชาติที่แท้จริง
ตาบอดสี อาการตาบอดสีถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดจากความบกพร่องในการทำงานของ เรตินาที่อยู่ในดวงตา ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ประมาณกันว่า ผู้ชาย 10 คน มี 1 คน ที่มีโอกาสเกิดอาการตาบอดสี ในขณะที่เกิดกับผู้หญิงมีจำนวนน้อย ครูสามารถทดสอบว่าเด็กคนใดมีอาการตาบอดสีหรือไม่ ด้วยการให้นักเรียนมองแผ่นภาพ ซึ่งประกอบด้วยรูปวงกลม ดาว และสี่เหลี่ยม ดังตัวอย่าง โดยให้รูปทรงต่างๆ เป็นสีส้ม ส่วนพื้นเป็นสีเขียว ถ้าเด็กคนใดไม่สามารถบอกได้ว่าในแผ่นภาพนั้นมีรูปอะไรบ้าง แสดงว่าเด็กคนนั้นตาบอดสี ซึ่งครูควรให้การเอาใจใส่เป็นพิเศษและจัดการเรียนให้เหมาะสมกับเด็ก
มีอะไรอยู่ในถุง เป็นการฝึกใช้ประสาทสัมผัสในส่วนของกายสัมผัส โดยใส่สิ่งของที่มีผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม หยาบ ขรุขระ ลื่น หรืออื่นๆ ในถุงกระดาษ ส่งถุงไปรอบๆ ห้อง ให้เด็กแต่ละคนล้วงมือลงไปสัมผัสสิ่งของในถุงโดยห้ามมอง แล้วเดาว่าเป็นอะไร เมื่อเด็กทุกคนได้สัมผัสสิ่งของในถุงจนครบ เขียนคำตอบที่เด็กแต่ละคนทายบนกระดาน ก่อนจะเฉลยว่าอะไรอยู่ข้างในถุงกระดาษแต่ละใบ
ภาพลวงตา ภาพที่มองเห็นเชื่อได้หรือไม่ เพราะบางครั้งอาจเป็นภาพลวงตา การทดสอบประสาทสัมผัสทางตาเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเด็ก ทำได้โดยการให้เด็กมองแผ่นภาพรูปช้างหรือรูปเส้นตรงดังตัวอย่าง แล้วให้ตอบว่าช้างมีกี่ขา และเส้นตรงเส้นใดยาวกว่า ซึ่งแต่ละคนมองเห็นต่างกัน จากนั้นครูจึงเฉลยว่าช้างมี 4 ขา ส่วนเส้นตรงทั้งสองเส้นยาวเท่ากัน
สร้างสรรค์เครื่องดนตรี กิจกรรมนี้จะช่วยทดสอบประสาทสัมผัสการได้ยินและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ครูให้เด็กตั้งวงดนตรีขึ้นมา ออกแบบและประดิษฐ์เครื่องดนตรีเป็นของตนเอง รวมทั้งร้องเพลงให้เพื่อนร่วมห้องฟัง เด็กแต่ละกลุ่มอาจสร้างเครื่องดนตรีง่ายๆ ที่ทำจากขวดแก้ว กระป๋องโลหะ หรือแผ่นไม้ การจัดกิจกรรมนี้ควรปล่อยให้เด็กทำเต็มความสามารถ โดยไม่จำกัดเวลา
อักษรเบรลล์ อธิบายให้เด็กฟังว่าคนตาบอดใช้อักษรเบรลล์อย่างไร พร้อมกับเชิญชวนให้เด็กๆ ออกแบบระบบการสื่อสารสำหรับคนตาบอด โดยกำหนดหัวข้อการออกแบบไว้ว่า ระบบที่ออกแบบมีการทำงานอย่างไร และมีการใช้งานแตกต่างจากอักษรเบรลล์อย่างไร กิจกรรมนี้จะช่วยฝึกเด็กในเรื่องของการสัมผัส
ความรู้สึกผ่านสายตา ถึงแม้ว่าเด็กไม่สามารถจับต้องสิ่งที่เห็นในรูปภาพ แต่การจินตนาการจะช่วยเติมเต็มช่องว่างส่วนนี้ของเด็ก ได้ โดยครูอาจให้เด็กดูภาพผลไม้ ดอกไม้ เครื่องดนตรี อาหาร หรือภาพอื่นๆ แล้วให้เด็กบรรยายรูปผ่านสายตาให้ครบทุกประสาทสัมผัส เช่น เมื่อเด็กเห็นภาพผลส้ม เด็กอาจบรรยายว่าเป็นสิ่งของที่มีลักษณะกลม ผิวเรียบลื่น กลิ่นส้ม รสชาติเปรี้ยวหวาน มีสีเหลืองหรือเขียวปนเหลือง มีเสียงจี๊ดจ๊าด เป็นต้น
ภายหลังที่เด็กได้ฝึกทักษะและรู้จักหน้าที่ของประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ ดีพอสมควรแล้ว ให้ครูจัดกิจกรรมที่เรียกว่า 'บทกวีแห่งความรู้สึก' ขึ้น เพื่อทดสอบความเข้าใจและความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสของเด็ก โดยครูแต่งบทกลอนเรื่อง "ความสุข" ที่โยงเข้ากับเรื่องประสาทสัมผัสทั้ง 5 เขียนแล้วอ่านให้เด็กฟัง
ความสุข
ความสุขคือสีขาว (รู้สึก)
เปรียบเสมือนลูกหมาขนปุย (รูป)
หวานเหมือนขนม (รส)
หอมเย็นเหมือนดอกมะลิ (กลิ่น)
มีเสียงเหมือนคลื่นในทะเล (เสียง)
อบอุ่นราวอยู่ในอ้อมกอดแม่ (สัมผัส)
เมื่ออ่านบทกลอนจบ ให้ครูเขียนสิ่งต่อไปนี้บนกระดานดำ แล้วให้เด็กแต่ละคนบอกว่ากลอนแต่ละบรรทัดบ่งบอกว่ามีการใช้ประสาทสัมผัสส่วนใดบ้าง
บรรทัดที่ 1 บอกอารมณ์หรือความรู้สึก จบบรรทัดด้วยคำบ่งบอกสี
บรรทัดที่ 2 บอกว่าความสุขเปรียบได้กับอะไร
บรรทัดที่ 3 บอกว่ารสชาติของความสุขเป็นอย่างไร
บรรทัดที่ 4 บอกว่ากลิ่นของความสุขเหมือนอะไร
บรรทัดที่ 5 บอกว่าเสียงของความสุขเป็นอย่างไร
บรรทัดที่ 6 บอกว่าสัมผัสของความสุขเป็นอย่างไร
จากนั้นให้เด็กแต่ละคนพูดหรือเขียนถึงความสุขของตนเองผ่านประสาทสัมผัสรูปแบบต่างๆ คล้ายกับตัวอย่างที่ครูอ่านให้ฟังไปแล้ว เพื่อให้เด็กเข้าใจถึงบทบาทของประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ ลึกลงไปอีกขั้น ซึ่งการฝึกฝนเช่นนี้บ่อยๆ จะช่วยให้เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสของตนเองได้เต็มศักยภาพยิ่งขึ้น
การที่เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสได้เต็มศักยภาพ เป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามการจัดกิจกรรมฝึกใช้ประสาทสัมผัสในเด็กเล็ก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กิจกรรมที่จัดขึ้นควรเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานและเพลิดเพลินเหมาะกับวัยของเด็กด้วย
ไม่มีความเห็น