มนุษย์เราตั้งแต่เกิดมา....บางคนไม่มีโอกาสแม้การลืมตาดูโลก แต่บาง
คนนั้นได้รับโอกาสเช่นนั้น...
สังเกตเห็นว่า............พอคนเราเกิดมานั้น มีสิ่งต่างๆ อยู่ก่อนเรา
แล้ว...............ซึ่งคงขึ้นอยู่กับว่า “ตัวของเรา” ..จะใช้สิ่งต่างๆ....ที่
มีอยู่ไปเพื่ออะไร...เพื่อใคร....บางคนสามารถใช้สิ่งที่มีอยู่...พัฒนา
ตนเองและคนรอบข้างให้ประสบสันติสุข..สังคมร่มเย็น ครอบครัว
ผาสุก.......
ดูเหมือนว่าบรรดาสิ่งที่มีอยู่ในโลก...เปรียบเสมือนแพ..ที่จะนำไปสู่การข้ามฝั่ง.....ทัศนะ..แนวคิด...มุมมอง..ความเห็น...ของบรรดาบรรพชน ต่างๆ....ที่สอนใจ...เป็นคติ...สุภาษิต...คำว่ากล่าวตักตือน...ของบรรพบุรุษ..คงเปรียบประดุจอนุสาวรีย์..ความดีเป็นคลังแห่งปัญญา..ที่คนรุ่นหลังจะได้ศึกษา...เรียนรู้...ต่อไป..และคงมิใช่ว่า...ใครจะเป็นเจ้าของ
จอห์น ดิวอี้..นักปรัชญาชาวตะวันตก...ให้เคยกล่าวไว้ประมาณ
ว่า....หากปราศจากเสียซึ่งสิ่งที่คนรุ่นก่อนได้สร้างสมเอาไว้แล้ว...ความ
สำเร็จใดใดของข้าพเจ้าย่อมมีไม่ได้....หรือแม้แต่...........ตัวของเรา...ย่อมได้รับแรงบันดาลใจ...จากพ่อ แม่
ญาติ..มิตร...หรือ...แม้แต่...ความแตกต่างของฐานะ ชนชั้น ความเชื่อ
รสนิยม.......ความสนใจ....ก็ตาม
เราคงมิได้ไปยึดที่ตัวบุคคล...แต่คงเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นแรงบันดาลใจ...ต่อสิ่งอันเป็นการกระทำสิ่งที่ดีงาม....แต่สิ่งที่....ที่คนรุ่นก่อนได้สร้าง...ได้มี...ได้ฝากไว้......ย่อมเป็นคติสอนให้คนรุ่นหลัง
ได้....พัฒนาเรียนรู้...ยอมรับความหลากหลาย..
แน่นอนว่า...การอยู่ในสังคม..การคบค้าสมาคม...การพบปะพูด
คุย..การทำงาน และการใช้สื่อสาร...ในช่องทางต่างๆ..ย่อมเป็นธรรมดา
ของคนเราที่ต้อง...จะได้พบ..เป็นอยู่..และเห็นกับสิ่งทั้งที่ปรารถนาและ
ไม่ต้องการก็ต้อง...เรียนรู้กับความหลากหลายนั้นต่อไป....การเริ่มต้นที่
ดีในการทำงานแต่ละวันเป็นธรรมดาก็ว่าได้...ที่ต้อง
วางใจ...เรา..มากกว่าจะพยายามเข้าใจเขา
ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ
นินทา สรรเสริญ สุข และทุกข์
ธรรมเหล่านี้ในหมู่มนุษย์ ล้วนไม่เที่ยง
ไม่มั่นคง มีความแปรผันเป็นธรรมดา
แต่ท่านผู้มีปัญญาดี มีสติ รู้ธรรมเหล่านี้แล้ว
ย่อมพิจารณาเห็นว่า มีความแปรผันเป็นธรรมดา
อิฏฐารมณ์(อารมณ์ที่น่าปรารถนา)จึงย่ำยีจิตของท่านไม่ได้
ท่านย่อมไม่ยินร้ายต่ออนิฏฐารมณ์(อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา)
ความยินดีหรือความยินร้าย
ท่านขจัดปัดเป่า จนไม่มีอยู่
ท่านรู้ทางที่ปราศจากธุลี ไม่มีความเศร้าโศก
เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ย่อมรู้แจ้งชัดโดยถูกต้อง[1]
"ฆ่าสัตว์ได้โทษ
ฆ่าความโกรธได้บุญ"
หลวงปู่จันทร์ กุสโล
เมตตาธรรม
ภาพวาดโดย ศ.ดร.สมภาร พรมทา.
[1] มจร.เล่ม ๒๓, หน้า ๒๐๓.
ไม่มีความเห็น