การแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกที่มีความหลากหลาย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม ที่มีพลวัตการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูงและรวดเร็ว ถือเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรมในทุกระดับ ตลอดจนปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ได้แก่ ระบบโครงสร้างสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากในการที่ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้งโครงสร้างระบบสนับสนุน รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมอาหารซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ (สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. 2554 : เว็บไซต์) และการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ของประเทศไทย ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นที่ยอมรับในภูมิภาค โดยการนำเอาระบบโลจิสติกส์เข้ามาบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ ที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการพัฒนาไปสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรมที่จำเป็นจะต้องอาศัยการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพจึงจะทำให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (สุรินรัตน์ แก้วทอง. 2556 : เว็บไซต์)
ธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร (Food Industry Businesses) ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญและเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศเกือบทั้งหมด และมีห่วงโซ่อุปทานที่ยาว นับตั้งแต่กระบวนการปลูกจนกระทั่งถึงกระบวนการแปรรูปและส่งออก ดังนั้น การที่อุตสาหกรรมอาหารสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะระบบการจัดการโลจิสติกส์เข้ามาช่วยตั้งแต่กระบวนการจัดส่งสินค้าต้นทาง (Origin Source) จนถึงปลายทางคือ ลูกค้าคนสุดท้าย (End User) ทำให้กระบวนการต่าง ๆ เกิดการบูรณาการระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพในระบบโลจิสติกส์ ซึ่งมีความครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้าให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและที่สำคัญคือ เมื่อมีการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดต้นทุนให้กับอุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างมาก (ธนิต โสรัตน์. 2552 : เว็บไซต์)
กลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์ (Modern Logistics Management Strategy) มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารไทย จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องให้ความสนใจในการร่วมกันปรับปรุงการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ทั้งระบบโลจิสติกส์ภายในและภายนอกองค์กร เพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมอาหารไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับสากล ดังนั้นการนำกลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์สมัยใหม่มาใช้ในองค์กรจึงมีความสำคัญต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย (อรุณ บริรักษ์. 2554 : 75 - 76) แสดงให้เห็นถึงระบบโลจิสติกส์ที่เข้ามาเชื่อมประสานในการขนย้าย ขนส่ง ลำเลียงสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการผลิตหรือก่อกำเนิดวัตถุดิบ หรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าสำเร็จรูป และการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตและอุตสาหกรรมปลายน้ำที่จะต้องใช้วิธีการในการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์สมัยใหม่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ด้าน ได้แก่
กลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลัง (Inventory Strategy) กลยุทธ์ด้านการขนส่ง (Transport Strategy) และกลยุทธ์ด้านที่ตั้ง (Location Strategy) (Ballou. 2004 : 29)โดยระบบโลจิสติกส์ซึ่งได้พัฒนาระบบประสานเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก หรือที่เรียกว่า เครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลระดับโลก (Global Network) ที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยอาศัยระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งช่วยลดระยะเวลา ค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ต้นทุนลดต่ำลง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (ธนิต โสรัตน์. 2550 : 72 - 73)
ความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) เป็นความสามารถขององค์กรใดองค์กรหนึ่งในการสร้างผลงานเหนือองค์กรอื่น ๆ จากการผลิตสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าต้องการด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมทั้งปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้บริหารจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการองค์กรที่ดี จึงจะสามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดการยอมรับในความคิดใหม่ ๆ ของบุคคลในองค์กร เพื่อการสร้างนวัตกรรมให้เกิดในองค์กรและเป็นที่ยอมรับของบุคลากร อันจะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และยิ่งกว่านั้นส่งผลทำให้ประเทศชาติมีขีดความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในโลกได้ต่อไป (จรินทร์ อาสาทรงธรรม. 2548 : 21 - 31) และพื้นฐานสำคัญของการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน มีองค์ประกอบหลักอยู่ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) ด้านคุณภาพ (Quality) ด้านนวัตกรรม (Innovation) และด้านการตอบสนองต่อลูกค้า (Customer Responsiveness) (วิทยา ด่านธำรงกูล. 2546 : 38 - 39) ซึ่งทั้ง 4 องค์ประกอบมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันขององค์กรยุคใหม่ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วที่ส่งผลโดยตรงต่อการปรับตัวขององค์กร
จะเห็นได้ว่า ผู้บริหารธุรกิจควรมุ่งเน้นการดำเนินการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ด้านการจัดการสินค้าคงคลังให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและไม่เกิดภาระในการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่มีปริมาณมากเกินไป และต้องมีการจัดการการขนส่งที่ดี มีการวิเคราะห์เส้นทางการขนส่งที่ชัดเจน เลือกรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับเส้นทางการขนส่ง โดยมีการพิจารณาถึงสถานที่ตั้งของคลังสินค้า แหล่งวัตถุดิบในการผลิต โรงงานผลิต และตลาด เพื่อการประหยัดต้นทุนในการขนส่ง ซึ่งเป็นการบูรณาการด้านการจัดการโลจิสติกส์ที่ก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย และระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ของประเทศไทย
ส่วนหนึ่งของบทความวิจัย นายอัศวิน สุขแสวง (บธ.ม. การจัดการเชิงกลยุทธ์)
ไม่มีความเห็น