กรณีศึกษาที่ 20 นายกิสัน นามนคร[1]
คนรุ่นที่สองของผู้อพยพย้ายถิ่นจากประเทศลาวเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว กับสิทธิในสัญชาติไทยตามมาตรา 23 พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2551
กิสัน เป็นลูกหลานของคนลาวอพยพที่หนีภัยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศลาวเข้ามายังไทยในช่วงปีพ.ศ.2518 เขาเป็นหนึ่งในอดีตเด็กร่วมแสนคนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายความมั่นคงและกฎหมายสัญชาติที่จำกัดสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนหรือปว.337 ที่ต่อมาถูกนำไปเขียนใหม่ไว้ในพ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2535 ดังนั้น แม้ว่ากิสันจะเกิดในประเทศไทยในพื้นที่อำเภอบุณฑริก เมื่อปีพ.ศ.2524 แต่เขาก็มีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ชั่วคราว โดยครอบครัวของกิสันได้รับการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติในฐานะลาวอพยพ-หนึ่งในชนกลุ่มน้อย17 กลุ่มโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
จนกระทั่งมีการประกาศใช้พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขเพิ่มเติมพ.รบ.สัญชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2551ด้วยผลของมาตรา 23 ทำให้กิสันมีสิทธิในสัญชาติไทย โดยมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่กิสันเกิด เพียงแต่ว่าสิทธิในการใช้สัญชาติไทยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกิสันผ่านกระบวนการพิสูจน์ว่าเขามีข้อเท็จจริงตรงตามที่มาตรา 23 กำหนดไว้จริง
ข้อเท็จจริงที่มาตรา 23 กำหนดไว้เป็นเงื่อนไขมีด้วยกัน 2 ประเด็นหลักคือ ประการแรก-จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 และประการที่สองจะต้องมีข้อเท็จจริงดังนี้คือ จะต้องเป็นคนที่เกิดในดินแดนของรัฐไทย ก่อนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2535, ได้รับการสำรวจและจัดทำทะเบียนราษฎรแล้ว และเป็นผู้ประพฤติดี
กิสันเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ว่าตนเองมีข้อเท็จจริงครบถ้วนตามองค์ประกอบของการเป็นคนไทยตามมาตรา 23 โดยเตรียมเอกสาร หลักฐาน รายชื่อพยานบุคคล โดยกิสันอ้างคนตัดสายสะดือเป็นพยานในฐานะหมอตำแย อ้างเพื่อนบ้านอีก 2 คนซึ่งเป็นคนลาวอพยพด้วยกันในฐานะพยานที่รู้เห็นการเกิด เขายื่นคำร้องลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านต่อเทศบาลตำบลคอแลน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
ประเด็นปัญหา ภายหลังการรับคำร้อง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้องและหลักฐานประกอบ สอบปากคำพยานบุคคลแล้ว ก็แจ้งกับกิสันว่า ปัญหาการพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของข้อเท็จจริงมีเพียงประเด็นเดียว คือ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เชื่อว่ากิสันเกิดในประเทศไทย เพราะ หนึ่ง-พยานที่กิสันอ้างว่าเป็นหมอตำแยนั้น ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นหมอตำแย โดยหมอตำแยที่ทำคลอดตัวจริงได้เดินทางไปลี้ภัยในประเทศที่สามนานหลายปีแล้ว สอง-พยานบุคคลไม่ได้รู้เห็นว่าแม่คลอดกิสันออกมาจริง
[1]เป็นหนึ่งในงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายของสถาบันวิจัยและพัฒนาเพื่อเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ
ไม่มีความเห็น