การสร้าง Innovative Thinking (สร้างนวัตกร)
INNOVATION ความหมายของมันก็คือ การคิดสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ ๆ นำไปสู่การปฏิบัติ ที่สัมฤทธิ์ผล เพื่อแก้ปัญหา เพื่อพัฒนา เพื่อสร้างโอกาส เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน คำว่า "นวัตกรรม" จึงหมายถึง "ใหม่" "มีคุณค่า" และ “มีมูลค่าเพิ่ม” จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
องค์ประกอบของการจัดการนวัตกรรม
บทบาทการจัดนวัตกรรมภายในองค์กร
องค์ประกอบของการคิดสร้างสรรค์และผลกระทบสภาพแวดล้อมขององค์กรต่อความคิดสร้างสรรค์
อ้างอิงจาก
http://www.gotoknow.org/posts/115866
อ้างอิง
สุทธิไกร ดอกเกี๋ยง
สถาบันเกษตราธิการ
สรุป
ในภาวะที่สังคมและเศรษฐกิจมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า การสร้างนวัตกรรมเป็นสิ่งที่องค์กรทุกองค์กรต้องการ องค์กรใดสามารถสร้างนวัตกรรมได้จะนำพาให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงมาก แต่การจะสร้างนวัตกรรมได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องอยากจนเกินไปนัก การที่จะสร้างนวัตกรรมได้นั้นต้องอาศัยการคิด ค้นคว้าและลงมือทำจากคนในองค์กรแล้วเราจะทำอย่างไรให้คนในองค์กรของเรานั้นมี Innovative Thinking ได้
กระบวนการจัดการนวัตกรรม
ก่อนที่จะมีการเริ่มจัดทำ Innovation culture จะต้องมีการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคในหลายๆส่วน
1. เริ่มจากการที่เรามีพันธกิจ เป้าหมาย และวิสัยทัศน์ขององค์กร ยึดไว้เป็นหลักในการที่จะวิเคราะห์สภาพการณ์และหาแนวทางในการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
2. วิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถตามได้ทันและสร้างความแตกต่างได้
3. วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก ดูความต้องการของตลาด สภาพเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี วัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถเข้ามาทดแทนได้ในอนาคต
4. วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ดูรูปแบบโครงสร้างขององค์กร การบริหารจัดการที่เป็นอยู่ สถานะทางการเงิน การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและแผนการดำเนินงาน
5. จากนั้นนำผลการวิเคราะห์มาเป็นปัจจัยในการกำหนดกลยุทธ์และยุทธวิธีที่จะนำไปสู่นวัตกรรมที่ตรงตามพันธกิจและวิสัยทัศน์
6. นำแผนงานและกลยุทธ์ที่วางไว้มาดำเนินการปฏิบัติจริง
7. ประเมินผลการทำนวัตกรรม โดยเน้นพฤติกรรมของคนในองค์กรที่เปลี่ยนไปว่าเป็นตามที่ต้องการหรือไม่ก่อน อย่าไปคาดหวังที่ผลเลยมากเกินไป ต้องค่อยๆปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้ ต้องมากจากความรู้ความสามารถของบุคลากรในองค์กรนั้นๆ เราจะต้องทำให้ทุกคนมีโอกาสในการสร้างนวัตกรรม ซึ่งนวัตกรรมสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ
1. Improvement Innovation ที่ทุกคนสามารถคิดได้ ทำได้ที่หน้างานของตนเอง ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสร้างฐานความคิดเชิงพัฒนาให้กับทีมงานเริ่มต่อยอด เชื่อมโยง ทำสิ่งที่ใหญ่ขึ้น ยกระดับสิ่งที่พัฒนาขึ้นมากจนเห็นความแตกต่าง
2. Incremental Innovation ส่วนมากจะเกิดจากการต่อยอดความคิด เชื่อมโยงกระบวนการและเทคโนโลยีมาสร้างเป็นสิ่งใหม่ที่ดีและมีคุณค่ามากกว่าเดิม
3. Break through Innovation เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมี ผู้อื่นต้องใช้เวลาตามเรา เป็นการสร้างโอกาสที่เป็นผู้นำในตัวสินค้าหรือบริการ ก่อให้เกิดคุณค่าแก่ลูกค้าและประสบความสำเร็จในตลาดอย่างชัดเจน
การจะเกิด Innovation ได้ สิ่งต้องอาศัยวัฒนธรรมของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ด้วยคือ ต้องสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง ต้องไม่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง และสนับสนุนให้กล้าคิดกล้าทำ INNOVATION ต้องเกิดจากข้างล่างและมีคนข้างบนคอยสนับสนุนทำเป็นตัวอย่าง และต้องอาศัยวัฒนธรรมของผู้ตามหรือผู้ปฏิบัติงานตามทฤษฎี 6 ก กล่าวคือ ต้อง กล้าคิด , กล้าพูด , กล้าเปิดใจ , กล้าเสี่ยง , กล้าเรียนรู้ และ กล้าทำ ส่วนผู้นำที่จะสามารถบริหารทรัพยากรมนุษย์ ให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้นั้นต้องมี ทฤษฎี 4 L’s นั่นคือ Learning Methodology , Learning Environment , Learning Opportunities และ Learning Communities
ในการที่จะเปลี่ยนแปลงคนนั้น สิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างมีผลอย่างมากเพราะถ้าคนอื่นทำ มีตัวอย่างดีๆที่ประสบความสำเร็จให้เห็นก็อาจเป็นการสร้างแรงกดดันเล็กๆให้คนอื่นอยากทำได้บ้าง แต่ต้องระวังอย่าให้กดดันจนเกิดเป็นความเครียด ในการที่จะสร้างเสริมให้มีการรักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลานั้น ต้องมีการสร้างบรรยากาศที่จะกระตุ้นให้คนอยากที่จะเรียนรู้ องค์กรควรสนับสนุนในการสร้าง Change Agent ขึ้นมามากๆ อาจมาทำหน้าที่เป็น Facilitator ซึ่งควรจะต้องเป็นผู้ที่สามารถสร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้เกิดการคิด และต้องอยู่ในประเด็นที่ต้องการ จะคอยเป็นผู้สังเกต คอยแทรกแซงเมื่อจำเป็นเท่านั้น สามารถแนะนำและช่วยแก้ไข หรือชี้แนวทางในการแก้ไขปัญหาได้ ทั้งนี้ทุกกระบวนการก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในองค์กร เพราะการที่นวัตกรรมจะกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรนั้นๆได้ ทุกคนจะต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้และยอมรับปฏิบัติกันด้วยความเต็มใจ
ไม่มีความเห็น