ธรรมะนี้มี ๔ ความหมาย
เราต้องรู้จักธรรมชาติ เราต้องรู้จักกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ,เราต้องรู้จักหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ,
เราจะต้องรู้จักผลที่ควรจะได้รับอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
ถ้าเรารู้ ๔ ประการนี้ เราก็รู้ธรรรมะ ก็ลองคิดดูเถอะ ว่ามันไม่มีท่างที่ทำอะไรผิด เพราะเรารู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติ
อย่างถูกต้องครบถ้วน ในทุกแง่ทุกมุม และจะมีความรู้สูงสุดถึงขนาดที่ว่ามันจะไม่ยึดถืออะไรให้เป็นตัวตน ที่หมายมั่นด้วยความเป็นตัวตน
ถ้ามีความรู้สึกว่าเป็นตัวตนอะไรอยู่ มันก็จะหนักเพราะว่ามันต้องเห็นแก่ตน มันต้องเป็นผลดีแก่ตน มันก็เป็นเรื่องวิตกกังวน เป็นเรื่องหนักอกหนักใจ เดี๋ยวนี้เรามีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกนึกคิดที่เป็นตัวตนอยู่ตลอดเวลา จิตใจของเราจะมีความนึกคิดประเภทที่เป็นตัวตน เป็นของตนอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ว่างจากความรู้สึกชนิดนี้ มันมีความคิด แต่ว่ามันมีความหมายแห่งตัวตนอยู่ในความคิด มันก็หนักอยู่ในความคิด แต่ถ้าความคิดไม่มีความหมายแห่งตัวตนอยู่ในความคิด มันก็ไม่หนัก มันก็เป็นของเบา
กราบนมัสการและขอบคุณข้อคิดดี ๆ ที่พระอาจารย์มีมากมากครับ
"ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะเรายึดตัวเอง (ความชอบใจ - ไม่ชอบใจ) เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ยึดธรรม (ชาติ) เป็นศูนย์กลาง"
กราบนมัสการค่ะ
ชีวิตไม่อาจเรียนรู้ต่างภพกำเนิด
อนุโมทนาบุญทุกความคิดเห็นครับ