วันนี้ขอเล่าเรื่องงูกัด ในวันแม่ต่อนะคะ
หลังจากเข้าโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ในเวลาอีก๑ ชม.ต่อมา(เวลา10โมงเช้าวันที่12 สิงหา)
"เป็นไรมา" พยาบาลถาม "งูเขียวหางไหม้กัด" ผู้เขียนตอบ "เห็นตัวไม๊" พยาบาลถามอีก "เห็นตัวและรู้จักว่าเป็นงูเขียวหางไหม้"
"เอาเชือกที่รัดออก"พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินบอกโดยไม่เอาออกให้และไม่ดูแผลที่นิ้วด้วย
ผู้เขียนเอาเชือกที่รัดออก ซึ่งตลอดเวลาก็ปวดมาก หลังจากนั้นก็ให้ขึ้นนอนบนเตียงคนไข้ และพนักงานใสผู้เขียนไปตึกอายุรกรรมหญิงชั้น๔ พร้อมบอกว่าต้องเจาะเลือดดูอาการทุก๔ ชม. ผู้เขียนนอนบนเตียงใสคนไข้เอาไปไว้ที่หน้าห้องพักแพทย์ เวลาแพทย์จะเข้าห้องก็จะชนเตียงบ้างเลื่อนเตียงบ้าง ส่วนปลายเตียงที่นอนเป็นทางใกล้ประตูห้องเข้าตึกและอยู่หน้าลิฟ โอ้แม่จ้าว ทั้งคืนข่อยเกือบไม่ได้นอน แต่ก็ทำใจเพราะเราป่วย ทนๆๆๆๆๆนานมาก บ่าย ๒โมงมาเจาะเลือด พร้อมให้ยาแก้ปวด๑เม็ดสีเขียวเหลือง(ปวดอย่างแรงพยาบาลบอก)
และแล้วผู้เขียนก็ดีใจเมื่อพบว่า เพื่อนที่นอนป่วยอยู่ข้างๆกายอีก ๒คนก็โดนงูเขียวหางไหม้กัดมาเหมือนกันและกัดที่นิ้วเหมือนกันเลย ต่างกันตรงที่ คนที่๑ โดนกัดวันที่ ๑๑ ไม่ได้รัดเหนือแผลเพาะคิดว่าไม่เป็นไร แต่ลูกๆพาส่งโรงพยาบาล มีอาการบวมตั้งแต่มือถึงแขนอีกข้างหนึ่งเลยคือบวมเกือบทั้งตัวเลยที่เดียว ส่วนคนที่ ๒ รัดแขนเกือบถึงข้อศอก บวมเลยจากที่รัดออกมาประมาณคืบเห็นจะได้ แต่ผู้เขียน รัดเหนือแผลที่โคนนิ้วก้อยเท่านั้น ก็บวมห่างจากแผลประมาณคืบเหมือนกัน
"ป้าทำไงไม่บวมเลย" ผู้ร่วมเวรกรรมทั้งสองถามผู้เขียน "ก็บวมนะแค่มือแต่ก็ปวดและเจ็บทั้งแขนถึงราวนมด้วย มีเลือดออกที่ท้องแขนด้านในเหมือนหกล้มมาเลย" ผู้เขียนตอบ "ป้ากินยาอะไรไม๊" ถามอีก กินรางจืดที่ใช้ชงเป็นน้ำชากินตลอดเลยรู้แต่ว่าลดและล้างยาพิษไม่รู้ช่วยเรื่องพิษงูได้รึเปล่า แต่ก็ไม่เสียหายอะไรกินแทนน้ำชาไปเรื่อยๆเพราะหมดให้ยาแก้ปวดเม็ดเดียวใน ๑วันเท่านั้ ยาแก้อักเสบก็ไม่ไห้ ยาแก้ติดเชื้อก็ไม่ให้ โฮ! คิดดูว่าฟันงูกินสัตว์มาไม่เคยแปรงฟันเลย สรุปว่า ๒วัน ๑ คืน อาการน้อยสุดกว่า ๒คน เอะหรือว่าเราจะมีเซรุ่มงูเขียวหางไหม้อยู่ในตัวแล้ว (มันเป็นไปได้หรึอเปล่า) เพราะเมื่อปี๔๙ เคยโดยงูเขียวหางไหม้กัดมาแล้วที่มือซ้าย ปวดบวมมาก ความดันเหลือ70/50(ตอนตี๒ น้องต้องไปบอกหมอว่าคนไข้หายใจไม่ออก) ค่าความแข็งตัวของเลือดอยู่ที่ ๒๒ ซึ่งหมอที่รักษาบอกว่าหมอตัดสินใจให้เซรุ่มนะ "เอ้าป่านนี้ยังไม่ให้เซรุ่มอีกหรือ" หมอบอกว่า เดี๋ยวรอดูอาการอีก ๔ ชม สรุปก็ยังไม่ให้อีก ถามพยาบาลว่า ทำไมหมอไม่ให้เซรุ่มพี่ ซึ่งพยาบาลที่สนิทกันให้เหตุผลว่า หมอจะดูว่าพี่มีพิษงูอยู่ในตัว๕๐% ให้เพิ่มอีก๕๐% ร่างกายพี่รับไหวไม๊(ประมาณว่าอย่างนั้น) รู้สึกกลัวงูเขียวหางไหม้มาตั้งแต่นั้นมา
สรุปว่า คนที่ไม่รัดข้อมือเลย บวมมากนอนรพ.๖วัน คนที่รัดที่แขนบวมแค่แขนและสูงขึ้นมาประมาณ๑คืบนอนรพ.๕วัน คนที่รัดที่นิ้วบวมแค่นิ้วและสูงขึ้นมาประมาณ๑คืบนอนรพ.๒วัน และคนที่กินรางจืดแทนน้ำเลยไม่มีอาการ อาเจียนเลย คลื่นไส้ก็ไม่มี ไม่มีอาการอื่นใดนอกจากเจ็บที่แขนและเส้นเลือดฝอยแตกที่แขน ส่วนอีก๒คนมีอาการมากกว่า เป็น ๒๐เท่าเห็นจะได้
ตามความคิดเห็นของหมอท่านว่า ไม่มีผลในการรัดเหนือแผล แต่ครูเคยสอนว่าให้รัดเหนือแผล และผู้เขียนก็ทำตามที่ครูเคยบอกผลก็เป็นตามที่เล่าค่ะ ณวันนี้ อาการดีขึ้นมาก แต่ยังเจ็บนิ้วก้อยอยู่ เหมือนเป็นแหน็บชานะ นี่แหละสาเหตุที่ไม่ได้เขียนบันทึกถึงแม่ในวันแม่ ปี๕๖
May I ask -- for how long you have had your tourniquet on your finger? 2 hours?
And for how long the other two patints have had their tourniquets on?
...ขอบคุณบันทึกที่ดีมีประโยชน์นะคะ
ขอบคุณ ดร.พจนา แย้มนัยนา ที่มาเยี่ยมบันทึกค่ะ
ขอบคุณ sr ที่เข้ามาเยี่ยมบันทึก
ฉันรัดที่นิ้วไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ อีก2คน คนหนึ่งไม่ได้รัดที่นิ้ว มีอาการปวดมากและบวมมาก แต่อีกคน รัดที่แขน มีอาการปวดและบวมน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รัดค่ะ